(เพิ่มเติม) TPCH เคาะราคา IPO ที่ 12.75 บ. เข้าเทรดตลาด mai 8 ม.ค.58

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 12, 2014 15:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวอนงค์ ยุวะหงษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ. ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) เปิดเผยว่า TPCH เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 89,450,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็น 22.36% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ ในราคาเสนอขาย 12.75 บาทต่อหุ้น สะท้อนพื้นฐานบริษัทที่แข็งแกร่ง ประกอบธุรกิจที่มีความมั่นคง มีแผนงานในอนาคตที่ชัดเจน และมีเป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและในอาเซียน

ทั้งนี้ หุ้นไอพีโอจำนวนไม่เกิน 50,390,435 หุ้น จะเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ บมจ.ไทยโพลีคอนส์ (TPOLY) (Pre-emptive right) ในอัตราส่วน 10 หุ้นเดิมของ TPOLY ต่อ 1 หุ้นของ TPCH ในระหว่างวันที่ 23-25 ธันวาคม 2557 และอีกจำนวน 39,059,565 หุ้น จะเสนอขายต่อประชาชนในระหว่างวันที่ 24-26 ธันวาคม 2557 และคาดว่า TPCH จะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในวันที่ 8 มกราคม 2558 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า TPCH

ส่วนการเสนอขายหุ้นไอพีโอของ TPCH ในครั้งนี้ มีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย คือบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ,บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)

ด้านนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการ TPCH เปิดเผยว่า การระดมทุนในครั้งนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่อนาคตที่แข็งแกร่ง เพื่อการพัฒนาและเจริญเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืน โดยบริษัทจะนำเงินไปลงทุนขยายธุรกิจ รวมไปถึงการก่อสร้างเพื่อดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ในการดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าบริษัทได้ให้ความสำคัญกับชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้า โดยการรับฟังความคิดเห็นของคนในชุมชนและส่งเสริมให้เค้าเหล่านั้นมีอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืน

ขณะเดียวกันบริษัทมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน โดยภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า (ภายในปี 2560) เป้าหมายบริษัทประกอบด้วย 1.มีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมไม่ต่ำกว่าประมาณ 100 เมกกะวัตต์ 2.มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์และมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมไม่ต่ำกว่าประมาณ 80 เมกกะวัตต์

ส่วนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในระยะยาว 5 ปี (ภายในปี 2562) ประกอบด้วย 1.มีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมไม่ต่ำกว่าประมาณ 150 เมกกะวัตต์ และ 2.เข้าซื้อกิจการที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาบริษัทได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้เกือบทั้งหมด เพราะฉะนั้นนักลงทุนจึงสามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง

"บริษัทเตรียมยื่นขอสัญญาจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล (PPA) ที่จังหวัดปัตตานีเพิ่มอีก 40 เมกะวัตต์ช่วงต้นปี 58 หากการขอสัญญาดังกล่าวแล้วเสร็จบริษัทคาดว่าจะสามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD)ในช่วงต้นปี 60 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีสัญญาจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแล้วเกือบ 60 เมกะวัตต์ใน 6 โครงการ ซี่งในปีนี้บริษัทได้มีการ COD จำนวน 10 เมกะวัตต์ ส่วนในปี 58 จะเพิ่มเป็น 40 เมกะวัตต์ และจะเป็น 100 เมกะวัตต์ในปี 60

นายเชิดศักดิ์ กล่าวว่าโรงไฟฟ้าชีวมวลเป็นธุรกิจที่น่าสนใจเพราะให้ผลตอบแทนดีและแน่นอน เนื่องจากมีการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ขณะเดียวกัน TPCH ยังเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ด้วยเกณฑ์ Renewable รายแรกและเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลรายแรกที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไออีกด้วย

"บริษัทมั่นใจหุ้น IPO จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในวันเปิดจอง เนื่องจากธุรกิจของบริษัทที่ดำเนินงานเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังานชีวมวลเป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจ เพราะให้ผลตอบแทนที่ดีและใผลตอบแทยที่แน่นอน จากการมีสัญญื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และได้การสนับสนุนจากภาครัฐ ประกอบกับยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก เนื่องจากในปัจจุบันภาครัฐมีการให้โควตาจำนวน 4,800 เมกกะวัตต์ แต่มีกำลังการผลิตจริงเพียง 2,300 เมกกะวัต์ ซึ่งส่วนที่เหลืออีก 2,500 เมกกะวัตต์นั้ถือเป็โอกาสสำหรับริษัทในอนาคต นอกจากนี้บริษัทยังมีการเขื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ด้วยเกณฑ์ Renewable Energy เป็นรายแรก และเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลรายแรกซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)"นายเชิดศักดิ์ กล่าว

ด้านนางสาวอนงค์ เปิดเผยอีกว่า ทางบล.ทรินีตี้ ยังมีหุ้น IPO ที่เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในปี 58 อีก 4 บริษัท แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจด้านการเงิน 2 บริษัท กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง 1 บริษัท และกลุ่มธุรกิจของใช้ในครัวเรือน 1 บริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ