แผนงานดังกล่าวจะส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 2/58 จะไม่มีการรับคำสั่งซื้อของลูกค้า เนื่องจากบริษัทต้องการปรับเปลี่ยนสายการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับค่ายโตโยต้าบางสายการผลิตไปเป็นชิ้นส่วนรถฟอร์ด ซึ่งจะใช้เวลาในการติดตั้งตลอดทั้งไตรมาส
“ตั้งแต่ต้นปีถึงไตรมาส 3/58 บริษัทจะมียอดขายลดลง ซึ่งจะอยู่ในช่วงของการปรับพอร์ตลูกค้าในกลุ่มของโตโยต้าลดลง ขณะที่ฟอร์ดจะเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มรถยนต์ค่ายอื่น เช่น จีเอ็ม และอีซูซุ เราก็เริ่มเข้าไปรับออเดอร์แล้ว ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 30% และแม่พิมพ์ 10% เครื่องใช้ไฟฟ้าอีก 10% ที่ยังคงเท่าเดิม"นายจุมพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่ายอดขายและกำไรจะเริ่มกลับมาดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/58 หลังการปรับสัดส่วนการผลิตมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม และจะส่งผลให้ในปี 59 บริษัทจะเริ่มกลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่แล้วราว 100 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดภายในปีหน้า และจะมีการหางานใหม่เข้ามาเพิ่มอีกราว 70-80 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ บริษัทฯยอมรับว่ายอดขายจะลดลงมากกว่า 20% จากปีก่อนที่มียอดขาย 1,936 ล้านบาท เป็นไปตามทิศทางของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยอดการผลิตปรับตัวลดลง 25% จากปีก่อน แต่อย่างไรก็ตามไตรมาส 4/57 ยังมีคำสั่งซื้อแม่พิมพ์ชิ้นส่วนยานยนต์เข้ามาจำนวนมาก มูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันกำไรได้บ้าง แต่โดยรวมกำไรปีนี้น่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรราว 38 ล้านบาท
“กำไรทั้งปีแม้ว่าจะต่ำกว่าปีก่อน จากยอดการผลิตที่ลดลง แต่ไม่ขาดทุน ซึ่งเรามีการลดต้นทุนการผลิต ทั้งจากการลดกำลังคน ลดโอที แต่ก็ยังมีออเดอร์คำสั่งซื้อแม่พิมพ์เข้ามาช่วย ส่งผลให้เรายังมีกำไรกลับเข้ามาในระดับหนึ่ง"นายจุมพล กล่าว