ทั้งนี้ CIMB-Principal APDIRMF นับเป็นกองทุนที่ 4 ของปีที่ลงทุนในกองทุนต้นทางเดียวกัน คือ CIMB-Principal Asia Pacific Dynamic Income Equity ที่บริหารโดยกลุ่มซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ซึ่งตลอดปีนี้ เราสามารถที่ระดมเงินลงทุนในกลุ่มกองทุนนี้กว่าสองพันหนึ่งร้อยล้านบาท ความสำเร็จนี้มาจากความเชื่อมั่นในการลงทุนของลูกค้าของเรา โดยเฉพาะผลการดำเนินงานกองทุนปัจจุบันนับตั้งแต่ต้นปีถึงพฤศจิกายนที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 13.80% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบ MSCI AC Asia Pacific exJapan CR USD ที่ 2.78% นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (กันยายน 2012) มีผลตอบแทนถึง 45.94% ดีกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 19.29%
บริษัทจึงมองเห็นโอกาสที่จะเปิดเสนอขายในกลุ่มประเภทกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อการลดหย่อนภาษี ในขณะที่กองทุนที่เลือกลงทุนนั้นสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้จัดการกองทุนต้นทางของเรามีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดีสำหรับการลงทุนภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก จากการที่กองทุนได้รับกองทุนที่ได้รับการจัดอันดับถึง 5 ดาวจาก Morningstar จากผลการดำเนินงานดีเด่นในช่วง 3 ปี และรางวัล Best Asset Management in Southeast Asia ต่อเนื่อง 5 ปี (ปี 53-57) จาก Alpha Southeast Asia Magazine
กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก (Master Fund) CIMB-Principal Asia Pacific Dynamic Income Fund ที่จดทะเบียนในประเทศมาเลเซีย ซึ่งบริหารจัดการโดย CIMB-Principal Asset Management Berhad ประเทศมาเลเซีย โดยกองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในบริษัทชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า การเน้นลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เรามองว่าแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จะได้รับอานิสงส์การขยายตัวตามไปด้วย เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่เป็นฐานการผลิตและส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลก ขณะเดียวกันกลุ่มประเทศในภูมิภาคเองก็มีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเมกะโปรเจคของภาครัฐและการลงทุนของภาคเอกชนที่กระตุ้นการบริโภค ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนต่างๆ มีกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างชัดเจนและมีแนวโน้มที่นักวิเคราะห์จะปรับเพิ่มกำไร (Earning Upgrade) ในอนาคต
ในขณะที่กองทุนมีจุดเด่นของกองทุนหลักที่หน่วยลงทุนของกองทุน CIMB-Principal APDIRMF จะไปลงทุนนั้น คือ การบริหารกองทุนเชิงรุกและปรับเปลี่ยนการลงทุนตามภาวะตลาด (Dynamic Asset and Dynamic Management) โดยสามารถลงทุนได้ทั้งหุ้น REITs ตราสารหนี้ และเงินสด โดยหุ้นที่เลือกลงทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นบริษัทชั้นนำในระดับภูมิภาค เช่น Tenaga Nasional Bhd บริษัทผลิตไฟฟ้าสัญญามาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, Geely Automobile Hldg Ltd บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศจีน, Amcor Limited บริษัทบรรจุภัณฑ์สัญชาติออสเตรเลียที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก, TRANSURBAN GROUP บริษัทจัดการและพัฒนาเครือข่ายถนนในเมืองในประเทศออสเตรเลียและอเมริกาเหนือ เป็นต้น และจุดเด่นเฉพาะของกองนี้ คือ การตั้งเป้าหมายการบริหารในแต่ละปีให้ได้ผลตอบแทนอย่างน้อย 8%* โดยนับตั้งแต่ที่มีการจัดตั้งกองทุนเมื่อเดือน พฤษภาคม 2011 สามารถสร้างผลตอบแทนถึง 77.50% หรือเฉลี่ยปีละ 25.83% (ณ พฤศจิกายน 2014) ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่น่าพอใจ
นายจุมพล กล่าวปิดท้ายว่า ในช่วงสุดท้ายของปี 57 เป็นช่วงการลงทุนในกองทุน LTF และ RMF เราเชื่อว่ากองทุน CIMB-Principal APDIRMF จะเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนเพื่อการลดหย่อนภาษี ในขณะที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในระยะยาว รวมทั้งเรามีจัดโปรโมชั่น สำหรับยอดการลงทุนทุกๆ 50,000 บาทรับ หน่วยลงทุนในกองทุน CIMB-Principal Treasury มูลค่า 100 บาท และกองทุนนี้ยังสามารถทำรายการผ่านบัตรเครดิต ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ