นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าจะมี EBITDA ในปี 58 จะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีนี้ที่อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปี 58 คาดว่าจะอยู่ที่ 65-75 เหรียญต่อบางร์เรล ซึ่งปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีนี้ จากปัจจัยทั้งของประเทศสหรัฐฯ แอฟริกาตะวันตกและอ่าวแอตแลนติก ยังคงมีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น รวมถึงกลุ่มโอเปกยังไม่มีสัญญาณว่าจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในช่วงครึ่งปีแรก
ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าการขยายตัวของการผลิต เป็นผลจากเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศประชาคมยุโรป (EU) ยังคงซบเซา และเศรษฐกิจประเทศจีนที่อยู่ในระดับปานกลาง ประกอบกับค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวแข็งค่า ซึ่งจะกดดันราคาน้ำมันดิบในปีหน้าอีกด้วย
"บริษัทฯตั้งเป้า EBITDA ปีหน้า 10,000 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 25,000 ล้านบาท ในปี 63 โดยมองว่าราคาน้ำมันดิบยังคงปรับลดลงในปีหน้า และความต้องการใช้น้ำมันที่มีเพียง 6-7 แสนลิตรต่อวัน สวนทางกับการผลิตที่เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านลิตรต่อวัน"นายวิเชียร กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าค่าการกลั่นน้ำมันในปี 58 เฉลี่ยอยู่ที่ 6-7 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งจะลดลงกว่าปีนี้เล็กน้อยซึ่งอยู่ที่ 7 เหรียญต่อบาร์เรล เป็นไปตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง ส่วนปริมาณการกลั่นน้ำมันในปีหน้า บริษัทฯน่าจะมีการกลั่นได้สูงขึ้นราว 1.5 แสนบาร์เรลต่อวัน จากที่จะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี
นายวิเชียร กล่าวว่า ในปี 58 บริษัทฯเตรียมงบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท โดยจะใช้เงินจำนวน 5,000 ล้านบาท พัฒนาธุรกิจโรงกลั่น เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต พร้อมขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 70 แห่ง ซึ่งจะเป็นสถานีบริการขนาดใหญ่ 2 แห่ง โดยตั้งเป้าหมายภายในปี 63 จะมีสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 400 แห่ง หรือเพิ่มเป็น 1,500 แห่ง และใช้ในการสร้างถังสำรองน้ำมันเพิ่ม
ส่วนอีกจำนวน 5,000 ล้านบาท จะใช้ในธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งบริษัทฯมีแผนที่จะสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะ และในปัจจุบันบริษัทฯก็อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทต่างประเทศ ที่มีความเชียวชาญด้านพลังงานจากแก๊สชีวภาพ แก๊สชีวมวล เพื่อเข้าไปร่วมถือหุ้น อีกทั้งจะเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานไบโอดีเซล แห่งที่ 2 อีก 4.5 แสนลิตรต่อวัน จาก 3.6 แสนลิตรต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตจะอยู่ที่ 8.1 แสนลิตรต่อวัน
สำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ มีการจ่ายไฟฟ้าได้เต็มกำลัง 118 เมกะวัตต์แล้ว คาดว่า EBITDA จะเพิ่มเป็น 2,800 ล้านบาทในปีหน้า
นายวิเชียร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเพิ่มทุน ซึ่งการลงทุนในธุรกิจใหม่ จะมาจากแหล่งเงินกู้สถาบันการเงิน โดยมองว่าหากจะต้องเพิ่มทุน จะต้องเป็นการลงทุนโครงการที่มีความน่าสนใจ และเป็นโครงการขนาดใหญ่ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.6 เท่า