"บ่ายวันนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวลดลงแรงราว 9% แต่ช่วงท้ายตลาด ดัชนีฯเริ่มมีแรงซื้อกลับและรีบาวน์มาปิดลบที่ 2.41% โดยมีแรงขายออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน และเป็นกลุ่มที่มีการปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ตลาดหุ้นในภูมิภาคปรับลงแรง สะท้อนว่ามีการปรับพอร์ตการซื้อขาย และเมื่อเป็นการมีสัญญาณขายมากเกินไป หรือ over sold ตลาดก็เริ่มกลับมาฟื้นตัวช่วงท้ายตลาด"นางเกศรา กล่าว
ขณะที่รายงานการสรุปการซื้อขายหลักทรัพย์ในช่วงหลังปิดทำการเย็นวันนี้ พบว่า สถาบันในประเทศขายสุทธิ 829.28 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 2,560.91 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 4,194.57 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 7,584.76 ล้านบาท โดยนางเกศรา มองว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ไม่ได้ผิดปกติ เนื่องจากมีแรงขายออกมาทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย
นอกจากนั้น ตลท.ยังไม่พบความผิดปกติในการส่งคำสั่งซื้อ-ขายหลักทรัพย์ พร้อมเตือนนักลงทุนระมัดระวังข่าวลือต่างๆ ที่ถูกปล่อยออกมาหลายเรื่อง ควรตรวจสอบและวิเคราะห์ให้ดี โดยเฉพาะผลกระทบจากประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นต่อหุ้นตัวที่ถือลงทุนอยู่
นางเกศรา กล่าวต่อว่า ตลท.เตรียมหารือกับโบรกเกอร์และนักวิเคราะห์ เพื่อปรับมุมมองที่มีต่อตลาดหุ้น หลังดัชนีฯ ปรับตัวลดลงมาพอสมควร จากที่ผ่านมาดัชนีฯ ปรับสูงขึ้นไปมาก และทุกคนมองว่าค่อนข้างแพงแล้ว เมื่อดัชนีปรับตัวลดลง อาจทำให้ต้องกลับมาประเมินมูลค่าตลาดฯใหม่ว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมต่อการลงทุนหรือไม่
ส่วนข่าวลือที่เกิดขึ้นในตลาดฯ จนส่งผลให้ดัชนีฯ ลงแรงนั้น ทางตลท.รตรวจสอบและพบว่าเป็นเพียงแค่ข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง และไม่อยากให้นักลงทุนเป็นกังวลเนื่องจากข่าวลือก็คือข่าวลือ ไม่ได้มีข้อเท็จจริงแต่อย่างใด