สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ( 15 ธ.ค. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 90,920 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 47,215 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 51.9% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ ตั๋วเงินคลัง มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 28,066 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 30.9% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,458 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.6% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB21DA, LB196A และ LB155A (รุ่นอายุ 7.0 ปี, 4.5 ปี และ 0.4 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,773 ล้านบาท หรือคิดเป็น 57% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TUF172A) มูลค่า 283.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC158B) มูลค่า 256.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC16OB) มูลค่า 108.6 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 648.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 44.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 10,929 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,724 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -191 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.39% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 5 ปีขึ้นไป ประมาณ 1 bp. ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับลดลง 36.46 จุด ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศจากปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ด้านนักลงทุนยังคงจับตาการประชุม กนง. ในวันที่ 17 ธ.ค. นี้ ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 191 ล้านบาท