ปัจจุบัน TVT มีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 200,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 800,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 150,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600,000,000 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท
นายภูษิต ไล้ทอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TVT กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ว่าเพื่อผลักดันให้บริษัทฯก้าวไปเป็นผู้นำธุรกิจด้านการผลิตคอนเท้นท์ และผลิตรายการที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ มีบริษัทย่อย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ครีเอทีส มีเดีย จำกัด(CMED) และบริษัท อีเอ็ม เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด(EM) ซึ่งแต่ละบริษัทมีนโยบายในการดำเนินธุรกิจที่แบ่งแยกอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ CMED มีนโยบายในการดำเนินธุรกิจเพื่อผลิตและรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ที่ซื้อลิขสิทธิ์รายการจากต่างประเทศ (International Format) อาทิ รายการเทค มี เอาท์ (ไทยแลนด์) รายการแดนซ์ ยัว แฟท ออฟ และรายการไทยแลนด์ แดนซ์ นาว เป็นต้น ส่วน EM มีนโยบายในการดำเนินธุรกิจ โดยทำหน้าที่บริหารศิลปิน เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานของบริษัทฯ และ CMED โดยบริษัทฯ มีรายได้หลักจากค่าโฆษณา คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 85 % ของรายได้ทั้งหมด และประมาณ 14 % มาจากการให้บริการ ซึ่งเกิดจากการรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ และอีกประมาณ 1% เป็นรายได้จากการบริหารศิลปิน และขายหนังสือ
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด(APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ TVT กล่าวว่า บริษัทฯได้ยื่นไฟลิ่งของ TVT เป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญเพื่อสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ รวมไปถึงการเพิ่มศักยภาพเพื่อให้ TVT ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านผู้ผลิตคอนเท้นท์และผลิตรายการทีวีภายใต้มาตราฐานสากล
“ผมเชื่อว่า TVT จะได้รับการตอบรับที่ดีในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ด้วยองค์ประกอบของบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อันยาวนานในการทำธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์และรายการบันเทิง และให้บริการรับจ้างผลิตรายการและจัดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงธุรกิจบริหารศิลปิน และผลิตและจำหน่ายหนังสือพอคเก็ตบุ้ค ประกอบกับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ต้องการยกระดับ เพื่อเป็นผู้นำในการผลิตคอนเท้นท์ ผลิตรายการ ให้มีมาตรฐานในระดับสากล รวมถึงการต่อยอดธุรกิจ ที่มีการบริหารศิลปิน คาดหวังว่าจะทำให้ธุรกิจของบริษัทมีความน่าสนใจต่อนักลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น" นายสมภพ กล่าว
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร กรรมการผู้จัดการ APM กล่าวว่า TVT ถือว่ามีจุดแข็งและจุดเด่นในการทำธุรกิจค่อนข้างมาก สะท้อนได้จากปัจจุบันมีรายการโทรทัศน์ที่ได้รับการตอบรับจากผู้ชมด้วยดี อาทิ รายการเทคมีเอาท์ไทย์แลนด์ รายการมาสเตอร์คีย์ เวทีแจ้งเกิด เป็นต้น เนื่องจากประสบการณ์ของผู้บริหารและทีมงานที่มีคุณภาพในการคิดสร้างสรรค์งานออกมาดังนั้นจึงเชื่อว่าเมื่อบริษัทได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจเพิ่มมากขึ้น และเชื่อว่าเป็นบริษัทหนึ่งที่มีความน่าสนใจในการลงทุนค่อนข้างมาก
ในปี 56 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 634.50 ล้าน มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 21.95 และอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 8.97 ทั้งนี้ในงวด 9 เดือนปี 57 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 444.21 ล้านบาท และยังคงสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิได้ดีที่ร้อยละ 19.22 และร้อยละ 3.96 แม้ว่าปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงปัจจัยทางการเมืองก็ตาม