ทั้งนี้ จะเห็นได้จากกระแสตอบรับจากกลุ่มนักลงทุน หลังจากที่ปิดการจองซื้อหน่วยลงทุนกองทรัสต์ WHART ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก จากนักลงทุนสถาบันที่เข้าถือหน่วยลงทุนในสัดส่วน 46.5% นักลงทุนรายย่อยสัดส่วน 38.5% และ WHA ถือหน่วยลงทุนคิดเป็นสัดส่วน 15%
"สัดส่วนนักลงทุนรายย่อย มีเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับกองทุน WHAPF ซึ่งเป็นตามเป้าหมาย ที่บริษัทฯต้องการกระจายหน่วยลงทุนให้นักลงทุนรายย่อยร่วมลงทุนมากขึ้น โดยก่อนการเสนอขายหน่วยทรัสต์ บริษัทฯได้มีการให้ข้อมูลนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าการที่มีนักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจจองหน่วยลงทุนค่อนข้างมาก เป็นเพราะมั่นใจการเติบโตของกองทุน และความสามารถการจ่ายเงินปันผลที่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ และการมีนักลงทุนรายย่อยเข้าลงทุนจำนวนมาก จะทำให้กองทรัสต์ WHART มีสภาพคล่องในการซื้อขาย" นายปิยะพงศ์ กล่าว
จุดเด่นของกองทรัสต์ WHART คืออัตราการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยที่น่าพอใจ และน่าจะมากกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ขณะที่ขนาดกองทุนจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี เฉลี่ยปีละ 4,000-5,000 ล้านบาท จากการเพิ่มทุนเพื่อลงทุนซื้อทรัพย์สินเพิ่มเติมในอนาคต
อย่างไรก็ตาม กองทรัสต์ WHART เป็นกองทรัสต์ประเภทศูนย์กระจายสินค้ากองแรกที่สามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีนโยบายเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ในศูนย์กระจายสินค้า 3 โครงการ รวมพื้นที่เช่าอาคาร 167,107.45 ตร.ม. คือ กรรมสิทธิ์ในโครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA ลาดกระบัง Phase 1&2 พื้นที่เช่าอาคาร 35,092.97 ตร.ม., กรรมสิทธิ์ในโครงการ WHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม. 23) พื้นที่เช่าอาคาร 59,835 ตร.ม. และ สิทธิการเช่าโครงการ WHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม. 18) พื้นที่เช่าอาคาร 72,179.48 ตร.ม. ซึ่งการเติบโตของกองทรัสต์ WHART มาจาก 2 ส่วนหลัก คือ จากการปรับเพิ่มขึ้นของค่าเช่าศูนย์กระจายสินค้าทุกๆ 3 ปีตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้แล้วกับผู้เช่า และจากการลงทุนเพิ่มซึ่งคาดว่าจะมีการเพิ่มทุนทุกปี
ด้านนพ.สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยว่า ในฐานะที่บริษัทเป็นผู้ถือหน่วยลงทุนในกองรีท WHART ในสัดส่วน 15% เชื่อว่ากองทุนจะสร้างผลตอบแทนต่อผู้ลงทุนได้อย่างน่าพอใจ เนื่องจากกองรีท WHART ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ มีผู้เช่ามีที่ความมั่นคงทางธุรกิจอย่างสูง ประกอบไปด้วยบริษัทชั้นนำของไทยและต่างประเทศ ทำให้มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
และในฐานะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคลังสินค้าให้เช่า บริษัทมีนโยบายขายสินทรัพย์เข้ากองรีท WHART มูลค่าประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อผลักดันให้กองทรัสต์ดังกล่าว มีมูลค่ากองทุน 50,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี