สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ( 16 ธ.ค. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 81,458 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 61,212 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 75.1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 15,806 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 19.4% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,055 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB21DA, LB196A และ LB15DA (รุ่นอายุ 7.0 ปี, 4.5 ปี และ 1.0 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 9,639 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (HMPRO159B) มูลค่า 407.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)(THAI17OA) มูลค่า 103.0 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY152B) มูลค่า 80.4 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 591.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56.1% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 17,399 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,423 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,629 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.45% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.06%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 2-6 bps. จากแรงขายทำกำไรและการปรับพอร์ตของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ หลังจากทยอยซื้อไปในช่วงก่อนหน้า ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับลดลง 16.75 จุด ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศจากปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่ปรับลดลง โดยตลาดยังคงจับตาผลการประชุม กนง.ในวันพรุ่งนี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 1,629 ล้านบาท