"พื้นที่ดังกล่าวที่เราจะเข้าไปลงทุน ถือว่ามีศักยภาพ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่นอกเขตพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว หรือสึนามิ โดยพื้นที่นี้มีเพียงพอต่อการลงทุนได้ถึง 100 เมกะวัตต์ แต่ตอนนี้ได้มาเพียง 38.1 เมกะวัตต์ หากในอนาคตทางพาร์ทเนอร์ได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มเติม เราก็มีความสนใจลงทุนเพิ่ม"นายสมบูรณ์ กล่าว
ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 ปีครึ่ง และจะสามารถขายไฟฟ้าในอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ Feed-in-Tariff (Fit) หน่วย 10 บาท และจะเริ่มรับรู้กำไรเข้ามาได้ในช่วงไตรมาส 3/59 คาดว่าจะส่งผลให้มีกำไรต่อปี 160-180 ล้านบาท และจะสร้างรายได้ประมาณ 440 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งจะถึงจุดคุ้มทุนได้ไม่เกิน 7 ปี
อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังคงมีนโยบายที่จะพัฒนาและขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าไว้ภายใน 3 ปี จะมีกำลังการผลิตราว 300 เมกะวัตต์ ขณะที่ปัจจุบันมีอยู่แล้วประมาณ 200 เมกะวัตต์ และในปีหน้าก็จะมีเข้ามาเพิ่มอีก ซึ่งจะเป็นงานโครงการโซลาร์ชุมชน 800 เมกะวัตต์