สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 57 ว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ซึ่งเป็นผลจากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศยังอ่อนแอ ขณะที่ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้อาจจะไม่มีการเติบโต จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ราว 2% เนื่องจากไตรมาส 3 เติบโตต่ำกว่าที่คาด และไตรมาส 4 ก็ยังไม่ฟื้นตัวได้ชัดเจนนัก
ส่วนปี 58 เป็นปีของการปฏิรูประบบทั้งประเทศ จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงเติบโตได้ไม่มากนัก ประกอบกับคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% โดยช่วงก่อนหน้านี้ประเมินกำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตได้ถึง 13% แต่หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงมาที่ระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จึงต้องประเมินอีกครั้งว่าผลกำไรจะอยู่ที่เท่าใด
ด้านนางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย มองว่าจากการที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นต่อเนื่องสวนทางกับดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวอย่างต่อเนื่องไม่ได้ถือเป็นสัญญาณผิดปกติ เนื่องจากนักลงทุนสถาบันต่างชาติส่วนใหญ่ลงทุนระยะสั้น และทยอยขายหุ้นเพิ่อลดความเสี่ยงในช่วงเทศกาลหยุดยาว ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกตกต่ำอย่างต่อเนื่อง
แต่ยังมีปัจจัยบวกที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสถาบันต่างชาติอาจจะกลับเข้ามาลงทุนบ้าง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเติบโตไม่หวือหวา เห็นจากหลายหน่วยงานทางเศรษฐกิจพยากรณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเติบโต 3-4.5% ถือว่ามีความเป็นไปได้ เพราะเป็นการเติบโตจากฐานต่ำในปีนี่ แต่ยังต้องติดตามปัจจัยที่อาจดึงดูดความเชื่อมั่นได้มากขึ้นจากโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากฝั่งยุโรปและญี่ปุ่นที่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ(QE)
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงในปีหน้ายังมีอยู่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะราคาน้ำมันและเศรษฐกิจรัสเซียที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตราคาน้ำมัน ทำให้ตลาดมีความผันผวนสูง ดังนั้น นักลงทุนควรพิจารณาพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนให้ดี อย่าตื่นตระหนกกับปัจจัยที่มีผลกับตลาดในระยะสั้น