ทั้งนี้ บริษัทโมบาย แอลทีอี ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในด้านการบริหารโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมได้รับการสนับสนุนด้านเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญ ที่ผ่านงานจากบริษัทชั้นนำของโลก เช่น Qualcom, AT&T, Bell Labs และ Verizon เป็นต้น นอกจากนั้นแล้ว ยังมีกลุ่มนายทุนใหญ่ ที่เป็นคนไทยประสงค์จะเข้าร่วมทุนกับ โมบาย แอลทีอี หากได้รับความไว้วางใจให้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจจาก ทีโอที
การสนใจร่วมทุนในครั้งนี้ เนื่องจากมองเห็นศักยภาพและความ พร้อมทั้งในด้านการตลาด เทคนิค เงินทุน และประสบการณ์ของทีม บริหาร ประกอบกับความเป็นบริษัทของคนไทย จึงถือเป็นโอกาส ที่ดีของ AIT ที่สนใจเข้าร่วมทุนในครั้งนี้เพื่อต่อยอดสร้างความเข้ม แข็งให้แก่ธุรกิจมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการร่วมลงทุนในครั้งนี้ AIT อยู่ระหว่างหาข้อสรุปที่ชัดเจนและต้องรอการพิจารณาจากทีโอทีว่าจะให้ โมบาย แอลทีอี เป็นพันธมิตรทางธุรกิจในด้านการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในรูปแบบ MVNO หรือไม่ ซึ่งหลังจากที่มีความชัดเจน ในเรื่องดังกล่าวแล้ว AIT จึงจะกำหนดสัดส่วนการเข้าไปร่วมลงทุน เพื่อเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นโมบาย แอลทีอี ต่อไป
“เรามีความประสงค์ ที่ต้องการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทโมบาย แอลทีอี เพื่อรุกธุรกิจผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในรูปแบบ MVNO ผ่านโครงข่ายของทีโอที เนื่องจากมองเห็นโอกาสและศักยภาพของ บริษัทฯ ที่ก่อตั้งมาจากการระดมทุนจากกลุ่มผู้บริหารที่มีความ เชี่ยวชาญด้านธุรกิจโทรศัพท์มือถือและภาคธุรกิจต่างๆที่สนใจร่วมทุน รวมถึงได้รับการสนับสนุนด้านเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศซึ่ง AIT คาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปด้านสัดส่วนการเข้า ร่วมลงทุนในครั้งนี้ได้ หลังจาก ทีโอที ตอบรับเป็นพันธมิตรกับ โมบาย แอลทีอี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว" นายศิริพงษ์ กล่าว