นอกจากที่บริษัทฯที่จะมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจบริษัทยังมีนโยบายที่จะเพิ่มธุรกิจใหม่ๆที่จะช่วยสร้างให้ธุรกิจของบริษัทฯเติบโตเพิ่มมากขึ้นอีก โดยล่าสุดทางบริษัทฯก็ได้ร่วมกับพันธมิตรอีก 3 รายประกอบไปด้วยกลุ่มบริษัทท่าฉางอุตสาหกรรม หรือ ทีซีจี บริษัท โอพีจีเทค จำกัด และ บริษัท อาร์แอนด์ดี เกษตรพัฒนา จำกัด ผู้นำที่คร่ำหวอดธุรกิจปาล์มน้ำมันต้นน้ำ-ปลายน้ำ ร่วมลงทุนสร้างโครงการ “ปาล์ม คอมเพล็กซ์" ครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ต้นปี 2558 และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2560 เพื่อผลักดันให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันระดับประเทศและระดับภูมิภาค ซึ่งทางบริษัทฯ ถือเป็นภาระกิจที่บริษัทฯจะต้องดำเนินการเพื่อนักลงทุน ผู้ถือหุ้น ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกๆฝ่าย
ทางบริษัทฯได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้เป็นหลักทรัพย์ในกลุ่มดัชนี SET100 โดยเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ทำให้เป้าหมายของการเป็นที่หนึ่งในใจคนไทยทั้วประเทศของบริษัทฯมีความสำเร็จเพิ่มมากยิ่งขึ้นโดยเชื่อว่าสาเหตุที่บริษัทฯได้เข้าเป็นหลักทรัพย์ในกลุ่มดัชนี SET100 เนื่องจากบริษัทฯมีความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัทที่มีธรรมาภิบาลจนเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนทำให้สามารถเข้าเกณ์ของบริษัททำเนียบ SET100ได้
"ภายหลังจากที่ PTG ได้เข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและเข้ามาทำการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมาบริษัทฯได้ตั้งใจในการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามที่ได้สัญญาไว้กับนักลงทุนโดยพวกเราทีมงานทุกคนของพีทีจีได้ทำงานอย่างหนัก ทุ่มเทการทำงานกันอย่างเต็มทีเพื่อขยายธุรกิจ ขยายสถานีบริการน้ำมันให้เพิ่มมากขึ้น จากผลงานที่ผ่านมาสะท้อนได้จากรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งจำนวนสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงเชื่อว่ามีผลทำให้นักลงทุนให้ความสนใจที่เข้ามาลงทุนในบริษัทฯอย่างต่อเนื่องและเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรามีคุณสมบัติเข้าตามเงื่อนไข SET100"นายพิทักษ์ กล่าว
สิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า PTG มีความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจก็คือรายได้และกำไรของบริษัทฯที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยผลประกอบการล่าสุดเมื่อช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 สิ้นสุดเดือนกันยายน 2557 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการบริการ 12,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,440 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 12.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิประจำงวด อยู่ที่ 117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 312.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน