ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้รับสัมปทานในการขายไฟฟ้าเป็นเวลา 20 ปี และสามารถขายไฟฟ้าในอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ Feed-in-Tariff หน่วยละ 40 เยน โดยคาดว่าจะดำเนินการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าของญี่ปุ่นได้ในปี 2558 และรับรู้รายได้ไตรมาส 4/2558
การร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทเพื่อดำเนินโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่นในครั้งนี้ CSS จะลงทุนในสัดส่วน 50% โดยบริษัทมีการจัดหาแหล่งเงินทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากมีความมั่นใจและเชื่อมั่นว่าการร่วมลงทุนในครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจของบริษัท อีกทั้งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และทำให้รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศและกระจายความเสี่ยงในการทำธุรกิจ
CSS มองว่าในอนาคตตลาดการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่นยังน่าสนใจและยังเปิดกว้าง เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นพยายามหาแหล่งพลังงานด้านอื่น ๆ เพื่อลดการพึ่งพิงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ทำให้พลังงานทดแทนจากโซลาเซลล์และพลังงานทดแทนด้านอื่น ๆ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก
แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/57 คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นเนื่องจากได้รับอานิสงส์จากธุรกิจโทรคมนาคมและธุรกิจเทรดดิ้งที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่ารายได้ทั้งปีจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4 ,000 ล้านบาท ส่วนกำไรจะเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน ขณะที่ภาพรวมธุรกิจของบริษัทในปี 2558 เชื่อว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นเช่นกัน โดยบริษัทยังคงเข้าประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีนโยบายที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยประเมินว่าธุรกิจพลังงานทดแทนยังเป็นธุรกิจที่มีความโดดเด่น เป็นพลังงานทางเลือกที่เป็นที่ต้องการของตลาด และยังสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศอีกด้วย