“เรามองโอกาสของการลงทุนเพิ่มเติมอยู่ตลอด ซึ่งเบื้องต้นเราก็วางแผนไว้ว่าจะมีการพัฒนาศูนย์การค้าแห่งใหม่ 2 โครงการ โดยเราจะนำพื้นที่เปล่าของกลุ่มมาพัฒนา ซึ่งแผนนี้เป็นแผนระยะยาว 3-5 และหลังจากนั้นก็จะนำสินทรัพย์ที่พัฒนาใหม่ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อขยายกองทรัสต์ให้ใหญ่ขึ้น แต่รายละเอียดโครงการที่จะพัฒนาตอนี้ขออุบไว้เป็นความลับก่อน"นางสาวกนกวลี กล่าว
สำหรับราคาหน่วยลงทุน LHSC ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรกมาอยู่ที่ 10.30 บาท/หน่วย (+0.98%) จากราคาเสนอขายให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) ที่ 10.20 บาท/หุ้น เนื่องจากนักลงทุนเห็นถึงศักยภาพของกองทรัสต์ที่ลงทุนในศูนย์การค้า โดยเฉพาะศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ที่ตั้งอยู่บนจุดตัดรถไฟฟ้า ทำให้มีจำนวนผู้ใช้บริการและนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ประกอบกับศูนย์การค้ามีรายได้จากค่าเช่าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตที่แน่นอนในแต่ละปี
“ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ถือว่าเป็นหนึ่งในศูนย์การค้าที่มีศักยภาพ ด้วยทำเลที่อยู่บนจุดตัดรถไฟฟ้า ทำให้มีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการมาก และมีการเติบโตที่แน่นอนและมีรายได้ค่าเช่าเข้ามาสม่ำเสมอ ร้านค้าที่อยู่ในศูนย์การค้าก็เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง ประกอบกับศูนย์การค้ามีการเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งประเทศที่สำคัญในภูมิภาคนี้ที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาทั้งจีน เกาหลี และสิงคโปร์ ด้วยเหตุผลนี้ทำให้กองทุนของเราได้รับความสนใจจากนักลงทุน"นางสาวกนกวลี กล่าว
สำหรับการเติบโตของอัตราค่าเช่าในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ในปีนี้คาดว่าจะมากกว่า 6% เนื่องจากบริษัทได้ทยอยปรับเพิ่มค่าเช่าทุกปีตามนโยบาย ส่วนอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยในปัจจุบันอยู่ที่ 98% ซึ่ง 80% เป็นอัตราการเช่าของธุรกิจประเภทร้านอาหาร แฟชั่น โรงภาพยนตร์ และซุปเปอร์มาร์เก็ต