อีกทั้งการประกาศใช้มาตรการสกัดหุ้นร้อนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่จะเริ่มใช้ภายในวันที่ 5 มกราคม 58 จะมีผลกดดันให้นักลงทุนรายย่อยมีแรงเทขายทำกำไรในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กออกมา แต่สำหรับนักลงทุนสถาบันอาจจะไม่ได้รับผลกระทบจากการประกาศใช้มาตรการดังกล่าว เนื่องจากนักลงทุนสถาบันเน้นการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก
“มาตรการสกัดหุ้นร้อนของตลาดหลักทรัพย์จะมีผลกดดันหุ้นขนาดกลางและเล็ก โดยเฉพาะในกลุ่มเอ็ม เอ ไอ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนรายย่อยมีการเทขายหุ้นออกมา ซึ่งก็เป็นผลที่จะทำให้ตลาดในช่วงต้นปีอาจจะมีความผันผวน นอกจากการเทขายของกองทุน LTF"นายสมิทธ์ กล่าว
ด้านคำแนะนำนักลงทุนในการลงทุนในปี 58 ให้เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และหุ้นกลุ่มก่อสร้าง และกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภคในประเทศ เนื่องจากหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะได้รับอานิสงส์จากการเบิกจ่ายของภาครัฐที่จะทยอยออกมา ส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคภาคเอกชนให้ขยายตัวขึ้น ซึ่งประเมินว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศปี 58 (GDP) จะขยายตัวได้ 3-4% จากแรงหนุนการเบิกจ่ายภาครัฐ สำหรับหุ้นกลุ่มพลังงานในปีหน้า มองว่าราคาหุ้นยังมีความผันผวน เนื่องจากราคาน้ำมันภายในประเทศยังเป็นไปตามกลไกของตลาดโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน
“อยากแนะนำนักลงทุนให้กระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดหุ้นที่บางคนอาจจะมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาก ให้ไปลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้นอีกนิด หรือใครที่มีการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมาก ก็ปรับสัดส่วนไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเพิ่ม เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการลงทุนภายในประเทศที่อาจจะมีความผันผวน"นายสมิทธ์ กล่าว