สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 53,394 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 39,570 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 74.1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ ตั๋วเงินคลัง มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 9,095 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 17.0% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 718 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB21DA และ LB15DA (รุ่นอายุ 2.5 ปี, 7.0 ปี และ 1.0 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,412 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN174A) มูลค่า 122.4 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN171A) มูลค่า 102.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีประกันของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)(SCCC176A) มูลค่า 102.1 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 326.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 45.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 15,724 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,429 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 86 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.52% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ปรับลดลงเล็กน้อยในตราสารอายุ 5 ปี ประมาณ 1 bp. ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับลดลง 12.19 จุด จากแรงขายทำกำไร ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ด้านตลาดติดตามรายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย. ที่ ธปท. จะประกาศออกมาวันพรุ่งนี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 86 ล้านบาท