กรณีที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบการกำหนดราคารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบใหม่เป็นระบบ Feed in Tariff(FiT) ซึ่งจะมีราคารับซื้อแน่นอนตามระยะเวลาสนับสนุนโครงการ 20-25 ปี แตกต่างจากระบบก่อนหน้า (Adder) ราคารับซื้อจะเคลื่อนไหวไปตามค่าไฟฐาน (Base Tariff ) บวกค่า Ft ทั้งนี้รูปแบบใหม่จะมี FiT premium เป็นระยะเวลา 8 ปี เพิ่มขึ้นจากเดิมในระบบ Adder ที่จะมีเงินอุดหนุนเป็นระยะเวลา 7 ปี สำหรับโรงไฟฟ้าที่ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าประเภทชีวมวล ว่าหากนำมาใช้จริงจะส่งผลดีต่อบริษัทฯ อย่างมาก โดยก่อให้เกิดปัจจัยบวกให้เห็นเป็นรูปธรรมในหลายๆ ด้าน
"จากแผนธุรกิจของบริษัทที่จะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 10 เมกกะวัตต์ เป็น 150 เมกกะวัตต์ ภายใน 3-5 ปี จะส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต นอกจากนี้คาดว่าอัตรากำไรสุทธิโรงไฟฟ้าในกลุ่มบริษัทจะดีขึ้นกว่าเดิมที่ได้คาดการณ์ไว้หากนำระบบ Feed in Tariff มาใช้ นอกจากนี้เมื่อพิจารณาโรงไฟฟ้าชีวมวลเทียบกับโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนชนิดอื่น โรงไฟฟ้าชีวมวลสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงสุด 24 ชั่วโมงต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณ 8,000 ชั่วโมงต่อปี ตราบเท่าที่มีเชื้อเพลิงในการดำเนินการซึ่งการที่เรามีพันธมิตรที่สามารถเข้าถึงแหล่งเชื้อเพลิง ได้แก่ นราพารา หรือ กลุ่ม วู้ดเวอร์ค เอ็นเนอร์ยี ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นนักลงทุนจึงสามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง" นายเชิดศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ โดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอพิเศษ ที่ได้รับส่วนเพิ่มเติมพิเศษในรูป Feed in Tariff Premium อีก 0.50 บาท ตลอดอายุโครงการ ซึ่งแต่ก่อนเคยได้รับส่วนเพิ่มเติมจาก Adder ปกติเมื่อก่อสร้างในจังหวัดอื่นๆ อีก 1.00 บาท เป็นเวลาเพียง 7 ปี
ปัจจุบัน TPCH ถือหุ้นในโรงไฟฟ้าชีวมวล 7 โครงการ โดยแบ่งเป็น 2 เฟส เฟส 1 มี 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 40 เมกกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วย 1.โรงไฟฟ้าช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ ที่ จ.นครศรีธรรมราช 2.โครงการมหาชัย กรีน เพาเวอร์ ที่ จ.สมุทรสาคร 3.โครงการทุ่งสัง กรีน ที่ จ.นครศรีธรรมราช และ 4.โครงการแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ ที่ จ.นครสวรรค์ โดยโครงการที่ดำเนินการแล้วคือโครงการช้างแรก ส่วนโครงการที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ
ส่วนเฟส 2 เป็นโครงการในอนาคตมี 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 60 เมกกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วย โครงการ พัทลุง กรีน เพาเวอร์ ที่ จ.พัทลุง 2.โครงการ ปัตตานี กรีน ที่ จ.ปัตตานี และ 3.โครงการ สตูล กรีน เพาเวอร์ ที่ จ.สตูล รวมมีกำลังการลิตทั้งสิ้น 100 เมกกะวัตต์