บลจ.ทิสโก้ ประเดิมออกกองทริกเกอร์ใหม่ลุยหุ้นจีน หวัง 8%ใน 8 เดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 5, 2015 14:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า จากความโดดเด่นของตลาดหุ้นจีนและเพื่อตอบรับความสนใจจากการลงทุนในหุ้นจีนที่มีมาอย่างต่อเนื่อง บลจ. ทิสโก้ จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิดทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% #16 เพื่อเพิ่มโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนในการลงทุนในจังหวะและเวลาที่เหมาะสม ซึ่งนับเป็นกองที่ 16 ในกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ซีรีย์หุ้นจีน โดยมีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ภายใน 8 เดือน หรือ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งหลังจากนั้น เสนอขายครั้งแรก 6 – 13 ม.ค. นี้ เพื่อตอกย้ำบทบาทในการเป็น “ผู้นำการลงทุนต่างประเทศ" ของบลจ.ทิสโก้อย่างต่อเนื่องในปี 2558

“ในปีที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จในการบริหารกองทุนทริกเกอร์ฟันด์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกองซีรีย์ “ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8%" โดยในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กองทุน ทิสโก้ ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% กองที่ 6, 7, 8 และ 15 (TISCO China Equity Trigger 8% Fund 6, 7, 8, 15) เข้าเป้าหมายพร้อมกันถึง 4 กองรวดในวันเดียวกัน โดยกองทุนที่เข้าเป้าหมายเร็วที่สุด คือ กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% กองที่ 15 ใช้เวลาบริหารเพียง 3 เดือนกว่าเท่านั้น"นายสาห์รัช กล่าว

กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% #16 (TISCO China Trigger 8% Fund 16) มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นจีนผ่านหน่วยลงทุนของกองทุน Hang Seng H-Share Index ETF เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี HSCEI หรือ H-Shares โดยมีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% โดย ณ ปัจจุบัน บลจ.ทิสโก้ ได้ออกกองทุนทริกเกอร์หุ้นจีนในซีรีย์ “ไชน่า ทริกเกอร์" มาแล้วทั้งสิ้น 14 กองทุน โดยมีผลงานเข้าเป้าหมายทั้งสิ้น 10 กองทุน และอยู่ระหว่างลงทุน 1 กองทุน

ขณะเดียวกัน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) วิเคราะห์ว่า ในปี 58 ตลาดหุ้นโลกจะปรับขึ้นต่อไปอีก เนื่องจากการปรับตัวในช่วง 3 ปีที่ผ่านมายังไม่สูงเกินไปเมื่อเทียบกับในอดีต นอกจากนี้สภาพคล่องในระบบการเงินโลกจะเพิ่มขึ้นจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) อัดฉีดเงินเข้าระบบต่อเนื่อง โดย Valuation ของตลาดหุ้นยังน่าสนใจกว่าตราสารหนี้

ทั้งนี้ ความเสี่ยงที่น่าจับตามองคือการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในช่วงกลางปี 58 โดยแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นจีน เนื่องจากคาดว่าธนาคารกลางจีนจะประกาศลดดอกเบี้ย และลดอัตราการกันสำรองของธนาคาร (RRR) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีนี้ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าของการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน ที่จะช่วยลดความเสี่ยงด้านการเงินและ ยกระดับ Valuation ของตลาดหุ้นจีน จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ