ทั้งนี้ หุ้นที่น่าสนใจลงทุนในปี 58 นำโด่งมาคือ กลุ่ม ICT โบรกฯต่างเห็นพ้องเชียร์ รองลงมาก็เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการภาครัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มรับเหมาฯ, กลุ่มค้าปลีก รวมถึงกลุ่มแบงก์
*DBSV ลดเป้าดัชนีฯปี 58 เหลือ 1,602 จุด มองบริโภค-ส่งออกอาจฟื้นต่ำกว่าคาด
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(DBSV) กล่าวว่า DBSV ปรับเป้าหมายดัชนี SET ปี 58 ลงมาอยู่ที่ 1,602 จุด คิดเป็น P/E 16 เท่า จากเดิม 1,707 จุด เนื่องจากได้มีการปรับประมาณการอัตราการเติบโตของผลกำไร(Earning Growth)ของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ลงเหลือเติบโต 10.7% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 13.9% และผลกำไรในปี 57 ก็คาดว่าจะติดลบ 1.2% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 6% เป็นผลจากกลุ่มพลังงานที่ตัวฉุดหลัก เนื่องจากมี stock loss
สำหรับเศรษฐกิจในปี 58 ตัวฉุดหลักอยู่ที่การฟื้นตัวของการบริโภคและการส่งออกที่อาจเติบโตได้น้อยกว่าที่คาด เพราะเศรษฐกิจโลกยังไม่ค่อยดี แต่เชื่อว่าปีนี้ยังดีกว่าปีก่อนอย่างแน่นอน เพราะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ทำให้มีการกระตุ้นเข้ามาที่การบริโภค, อุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็ได้ประโยชน์ และค่าขนส่งก็ลดลงด้วย
ทั้งนี้ DBSV คาดว่า GDP ของไทยในปี 58 จะเติบโต 3.8% จากปี 57 ที่คาดว่าจะเติบโต 0.8% ได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐฯ รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับภาครัฐฯก็น่าจะฟื้นตัวดีด้วย
พร้อมมองกลุ่มที่น่าสนใจเข้าลงทุนในปีนี้ ได้แก่ กลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มแข็งค่า ได้แก่ กลุ่มส่งออก, กลุ่มอาหาร และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนภาครัฐ ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และพวกสร้างฐานราก รวมถึงกลุ่มวัสดุก่อสร้าง แม้แต่สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อให้การลงทุนต่าง ๆ โดยเฉพาะแบงก์ขนาดใหญ่ก็น่าสนใจ
ส่วนกลุ่มสื่อสารก็จะมีแรงหนุนจากการเปิดประมูล 4G ซึ่งก็คาดว่าจะประมูลในไตรมาส 3/58 รวมไปถึงกลุ่มสายการบิน, สินค้าอุปโภค-บริโภค และยางมะตอย ก็น่าสนใจลงทุนเช่นกัน ขณะที่หุ้นในกลุ่ม Top picks ของปีหน้า ได้แก่ CK, MINT, GFPT, INTUCH, SAMART, SEAFCO, SPALI, TMB และ KTB
*BLS มองเป้าดัชนี SET ปี 58 ที่ 1,730-1,750 จุด เชียร์กลุ่ม Domestic plays
นายชัยพร น้อมพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง(BLS) กล่าวว่า เป้าหมายดัชนี SET ปี 58 มองไว้ในกรอบ 1,730-1,750 จุด คิดเป็น P/E 15.5 เท่า คาดว่า Earning Growth จะเติบโต 14.5%
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดฯครึ่งปีแรก(H1/58)น่าจะเห็นการปรับตัวลง เนื่องจากความกังวลสหรัฐฯจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ยังต้องจับว่าจะมีการเลื่อนการปรับขึ้นไปในช่วงครึ่งปีหลัง(H2/58)ตามที่บริษัทคาดการณ์ไว้หรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่ยังมองว่าน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครึ่งปีแรก(H1/58)
ทิศทางตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง(H2/58)ว่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก พร้อมแนะนำหุ้นที่น่าลงทุนในปี 2558 เป็นหุ้นจำพวก Domestic plays ส่วนหุ้นในกลุ่มน้ำมัน และปิโตรเคมี แนะนำให้หลีกเลี่ยงไปก่อน
*CNS ระบุเป้าดัชนี SET ปี 58 ที่ 1,757 จุด เชียร์ ICT-ค้าปลีก-อสังหาฯ-ขนส่ง-ท่องเที่ยว
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน(CNS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 1/58 คาดว่าจะแกว่งไซต์เวย์-อัพ หลังประเมินว่าทางยุโรปจะใช้มาตรการ QE รอบใหม่ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.น่าจะทำให้มี Fund Flow ไหลเข้ามามากขึ้นตั้งแต่ต้นปี แต่ไตรมาส 2-3/58 คงต้องหันมาดูที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯเป็นหลัก ส่วนเศรษฐกิจรัสเซีย และราคาน้ำมันต้องยังต้องติดตามว่าจะสร้างความกดดันมากหรือน้อยแค่ไหน ซึ่งอาจจะกระทบต่อยุโรปได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ได้มองเป้าดัชนี SET ปี 58 ไว้ที่ 1,757 จุด คิดเป็น P/E 15.5 เท่า โดยคาดว่า Earning Growth จะเติบโต 18% พร้อมแนะนำหุ้นที่น่าลงทุนเป็นกลุ่ม ICT, ค้าปลีก, อสังหาริมทรัพย์, ขนส่ง, ท่องเที่ยว ได้แก่ ADVANC, KTB, CPALL, ROBINS, SAMTEL, ERAWAN, WORK, CK, QH หุ้นเหล่านี้เป็น Top Pick ของปีนี้
*KSS ตั้งเป้าดัชนี SET ปี 58 ที่ 1,756 จุด เชียร์ ICT-Commerce-ฺBank
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี(KSS) กล่าวว่า ในปี 58 เป้าหมายดัชนี SET อยู่ที่ 1,756 จุด คิดเป็น P/E 18 เท่า และคาดว่าผลกำไร(Earning Growth)เติบโตประมาณ 17.6% โดยในช่วงครึ่งปีแรก(H1/58)ภาพตลาดหุ้นทยยังเป็นบวก โดยดัชนีฯมีโอกาสที่จะแกว่งไซต์เวย์-อัพ ส่วนในครึ่งปีหลัง(H2/58)ตลาดหุ้นไทยอาจจะแกว่งได้ ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ค่าเงินในปีนี้อาจผันผวนได้
ทั้งนี้ มองหุ้นในกลุ่ม ICT โดยเฉพาะหุ้น INTUCH และ ADVANC น่าสนใจเข้าลงทุน, หุ้นในกลุ่ม Commerce ที่ปี 58 จะมีการเติบโตดีจากการขยายสาขาและเศรษฐกิจดีขึ้น การเมืองสงบ อีกทั้งราคาน้ำมันปรับตัวลงทำให้เป็นผลบวกต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมทั้งหุ้นในกลุ่มแบงก์ ก็น่าสนใจลงทุนเพราะจะได้ประโยขน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว
รองลงมาเป็นกลุ่มท่องเที่ยว โดยเฉพาะโรงแรม จะได้ประโยชน์จากท่องเที่ยวฟื้นตัว ส่วนสายการบินก็ได้ผลบวกเพอิ่มเติมจากราคาน้ำมันทีลดลงด้วย ซึ่งทั้งสองกลุ่มถือได้ว่าเป็นปีแห่งการ Turnaround