ประกอบกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือสู่ระดับ “ขยะ" จากสถาบันจัดอันดับ S&P ในช่วงกลางเดือน, การจัดการเลือกตั้งใหม่ของกรีซอาจนำมาซึ่งชัยชนะของพรรค Syriza และการยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัดที่เคยดำเนินมา อันนำมาสู่ความเสี่ยงของฐานะการคลังและการถูกตัดออกจากลุ่มยูโรโซนอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งเดือนหลัง SET Index มีโอกาสจะปรับตัวขึ้นได้จากปัจจัยกระตุ้นที่อาจเข้ามา ได้แก่ ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจมีการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 22 มกราคม และ positive surprise ที่อาจเกิดขึ้นหากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติลดดอกเบี้ยในวันที่ 28 มกราคม
พร้อมกันนี้แนะกลยุทธ์สำหรับนักลงทุนให้ชะลอการลงทุนในช่วงครึ่งเดือนแรก โดยรอให้ปัจจัยกดดันทั้งภายในและภายนอกผ่านพ้นไปก่อน และหาจังหวะสะสมหุ้นในช่วงกลางเดือนเพื่อรอลุ้นข่าวดีจากการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยหุ้นแนะนำสำหรับการลงทุนระยะยาว 15 บริษัท ได้แก่ SOLAR, BCP, IFEC, GEL, PYLON, SEAFCO, ITD, CK, STEC, BTS, BMCL, AAV, BA, THAI, CKP
ส่วนหุ้นแนะสำหรับการลงทุนประจำเดือนนี้ 5 บริษัท ได้แก่ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่า ได้แก่ KCE, CPF, TUF, กลุ่มสื่อสารที่ได้ประโยชน์จาก Digital economy ได้แก่ ADVANC และกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ได้แก่ TASCO
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 58 เป็นต้นไป ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ทรีนีตี้ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการวิเคราะห์หุ้นแนะนำรายเดือนในบทวิเคราะห์ “The Big Picture" ใหม่ โดยจากเดิมที่มีหุ้นแนะนำ 10 บริษัทต่อเดือนจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 บริษัท และจะแบ่งสัดส่วนการลงทุน 15 บริษัท สำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว ที่มีระยะเวลาการถือครอง 3-6 เดือนขึ้นไป ส่วนอีก 5 บริษัท สำหรับการลงทุนระยะสั้นในแต่ละเดือนและจะมีการหมุนเวียนเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งการปรับรูปแบบหุ้นแนะนำดังกล่าวเพื่อให้สอดรับกับการลงทุนหลายหลากรูปแบบมากขึ้น
สำหรับอัตราผลตอบแทนของหุ้นแนะนำตามบทวิเคราะห์ “The Big Picture" นับตั้งแต่ก่อตั้งปี 53 รวมเป็นเวลากว่า 54 เดือนที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยให้ผลตอบแทนกว่า 640% และมีอัตราผลตอบแทนสิ้นปี 57 กว่า 36%