"เราเห็นว่าธุรกิจเราก็มีการขนส่งก๊าซธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งงานที่เรามีอยู่เป็นงานปลายน้ำ เราจึงได้มีการศึกษาลงทุนงานในส่วนของต้นน้ำ ก็คือโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนเราลดลงและมีกำไรสูงขึ้น โดยตอนนี้ก็ศึกษาและอยู่ระหว่างการทาบทามพาร์ทเนอร์อีก 2 เจ้าเข้ามา โรงก๊าซธรรมชาตินี้เราจะถือหุ้นหลัก 60% ก็จะใช้เงินที่ได้จาก PP มาลงทุนด้วย สำหรับรายละเอียดมากกว่ายังขอไม่เปิดเผยตอนนี้"แหล่งข่าว กล่าว
ส่วนแผนการลงทุนตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลจากเปลือกไม้ ขนาดกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ที่ จ.สุราษฎร์ธานีนั้น ขณะนี้ได้เตรียมพื้นที่รองรับโครงการดังกล่าวเรียบร้อยแล้วด้วยการซื้อที่ดินในวงเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโรงไฟฟ้าที่บริษัทถือหุ้นทั้ง 100% เงินลงทนส่วนหนึ่งจะมาจากเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน PP และอีกส่วนหนึ่งจะมาจากเงินกู้สถาบันการเงิน
อย่างไรก็ตาม การเริ่มโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวอาจจะล่าช้าออกไปเป็นปี 59 จากแผนเดิมคาดว่าจะก่อสร้างได้ในปลายปี 58 เนื่องจากเป็นการลงทุนโรงไฟฟ้าแห่งแรกของบริษัท จึงต้องศึกษาความคุ้มค่าของการลงทุน และความเพียงพอของปริมาณวัตถุดิบที่นำมาทำเป็นเชื้อเพลิงอย่างละเอียด ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน รวมถึงการขออนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)ยังต้องใช้เวลาพอสมควร
"แนวโน้มสัดส่วนรายได้ในอนาคตบริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ขจากพลังงานทดแทนเข้ามาเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง จากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากงานขนส่งเกือบ 100% โดยบริษัทมองว่าธุรกิจพลังงานทดแทนมีรายได้เข้ามาแน่นอนจากการขายไฟฟ้า และให้อัตรากำไรขั้นต้นที่ดี แต่ตอนนี้ระยะเวลาการเริ่มโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลอาจจะล่าช้าไปเป็นปี 59 จากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มได้ในช่วงปลายปี 58 เพราะเราต้องศึกษาให้ดีก่อนว่าทำแล้วคุ้มหรือไม่ และการขอสัญญาขายไฟก็ใช้เวลานานเหมือนกัน"แหล่งข่าว กล่าว
ขณะที่การขยายธุรกิจขนส่งไปยังกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) นั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับลุกค้ารายใหม่ในกัมพูชา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ โดยเมื่อได้ข้อสรุปแล้วบริษัทจะไปตั้งสำนักงานในกัมพูชาเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นการรองรับงานและเพิ่มความสะดวกในการติดต่อกับลูกค้า ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีงานขนส่งรวมถึงสำนักงานที่ตั้งอยู่ในลาว และเวียดนามแล้ว
แหล่งข่าว ยังเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการในปี 58 ว่า เชื่อว่าจะเติบโตได้จากปีก่อนตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น จากปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่งดคำสั่งซื้อในช่วงที่เกิดสถานการณ์ไม่สงบ อย่างเช่น ปั้มน้ำมันบางแห่งก็ปิดทำการ และลูกค้ากลุ่มอื่นๆก็ลดคำสั่งซื้อสินค้าลง ซึ่งมีผลต่อรายได้ของบริษัทในปี 57 แนวโน้มพลาดเป้าจากที่ตั้งไว้เติบโต 10% จากปี 56 ที่มีรายได้ 1.01 พันล้านบาท โดยอาจเติบโตเพียง 6-8% อีกทั้งยังมีผลให้อัตรากำไรสุทธิให้ลดลงเหลือ 10% ซึ่งต่ำกว่าปี 56 ที่อยู่ในระดับ 11.59%