ภาพรวมธุรกิจบริหารหนี้ของบริษัทในปี 58 คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องจากสถาบันการเงินให้ความสำคัญในการขายหนี้เสียออกมามากขึ้น และจะเป็นกระบวนการหนึ่งในการบริหารหนี้ของสถาบันการเงินเพื่อลดหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) จากปีก่อนๆ อยู่ในช่วงทดลอง ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของ JMT ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจบริหารหนี้รายใหญ่ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน มีมาตรฐานตลอดจนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาโดยตลอด
"คาดว่าในปี 58 หนี้ NPL น่าจะ สูงขึ้นอีก จากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่คึกคักเท่าไหร่นัก รวมถึงการปล่อยสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่มีปัญหา NPL ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในหมวดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และมองว่าหลายสถาบันการเงินที่ไม่เคยขายหนี้ออกมา จะเริ่มขายหนี้ออกมาเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป โดยหนี้ที่ขายออกมาในปีนี้จะเป็นปีของตลาดสินเชื่อรถยนต์ คาดจะสนับสนุนให้บริษัทสามารถซื้อหนี้สินเชื่อรถยนต์ได้สูงถึง 70% ของพอร์ต ส่วนหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ประมาณ 30% ของพอร์ต ซึ่งลักษณะใกล้เคียงกับการซื้อหนี้ในปี 57 อีก ทั้ง JMT ก็ได้มีการพูดคุยกับหลายหน่วยงานกันมาตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 57 แล้ว จึงมองว่าปีนี้จะเป็นอีกปีที่สดใสอย่างต่อเนื่อง"นายปิยะ กล่าว
อนึ่ง ในปี 57 ภาพรวม NPL ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 56 โดยยอดคงค้างของหนี้ NPL ต่อสินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคลในไตรมาส 3/57 อยู่ที่ราว 2.6% หรือ 9 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปี 56 อยู่ที่ราว 2.2% หรือ 7.1 หมื่นล้านบาท
นายปิยะ กล่าวว่า บริษัทพร้อมรุกธุรกิจนายหน้าประกันภัยมากขึ้นในปีนี้ โดยจะเน้นไปที่ประกันภัยรถยนต์ขายผ่านช่องทางโทรศัพท์ในเครือข่ายลูกค้าในระบบ ที่มีอยู่สูงถึงประมาณ 2 ล้านราย รวมทั้งช่องทางการขายแบบ face to faceโดยเข้าไปเปิด ช้อปขายประกันในช่องทางที่บริษัทฯ มีอยู่ ได้แก่ ศูนย์ให้บริการเรื่องการบริหารและประนีประนอมหนี้ของ JMT ซึ่งคาดว่าสิ้นปี 58 จะมีอยู่ทั้งสิ้น 20 สาขา และเปิดช้อปขนาดเล็กในร้านเจมาร์ท โดยวางเป้าหมายปี 58 จะมีรายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันภัยราว 20 ล้านบาท
บริษัทฯยังมีธุรกิจปล่อยสินเชื่อ Micro Finance ให้แก่ ลูกค้าร้านเจมาร์ทในประเทศ เมียนมาร์ ซึ่งแผนงานดังกล่าวเราใช้เวลาเตรียมการค่อนข้างรัดกุม ต้องใช้เวลาการศึกษากฎระเบียบต่างๆ จำนวนมาก และคาดว่าจะเห็นความชัดเจนธุรกิจนี้ในช่วงไตรมาส 2/58 พร้อมวางงบลงทุนการปล่อยสินเชื่อ Micro Finance ในปีนี้ที่ราว 30 ล้านบาท
“หลายหน่วยงานเข้าไปรุกในธุรกิจประกันภัยมากขึ้น เป็นการสนับสนุนให้คนเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องความเสี่ยง โดยในประเทศกำลังพัฒนาคนจะเริ่มให้ความสำคัญในเรื่องนี้นับเป็นโอกาสการเข้าไปรุกธุรกิจนายหน้าประกันภัยของ JMT โดยเน้นไปที่ประกันภัยรถยนต์ ซึ่งมีการแข่งขันค่อนข้างเยอะ เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าแต่ละหน่วยงานก็มีกลยุทธ์แตกต่างกัน บริษัทฯ ก็มีกลยุทธ์และช่องทางการ ขายที่ค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งถือเป็นจุดเด่น นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจปล่อยสินเชื่อ Micro Finance ในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งเราได้เตรียมการลงทุนและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอย่างรอบคอบ จึงมั่นใจว่าจะสนับสนุนรายได้ของบริษัทได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต
แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/57 คาดว่าจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของ JMT ในปีที่ผ่านมา และภาพรวมธุรกิจทั้งปี 57 มีทิศทางเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นในการตัดต้นทุนหนี้ก้อนใหญ่ก้อนแรกเสร็จสิ้นในช่วงต้นปี ส่งผลให้ตั้งแต่ไตรมาส 2/57 เป็นต้นไป บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ในหนี้ก้อนดังกล่าวเต็มจำนวน นอกจากนี้ บริษัทฯ สามารถจัดเก็บหนี้ได้สูงกว่าเป้าหมายราว 10% และสามารถซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารได้ทะลุเป้าหมายที่วางไว้ค่อนข้างมาก โดยเมื่อสิ้นปี 57 บริษัทฯ สามารถซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารได้ประมาณ 35,000 ล้านบาท สนับสนุนให้พอร์ตบริหารหนี้ในปี 57 รวมอยู่ที่ประมาณ 65,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปริมาณการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารในอดีตที่ผ่านมา และสูงกว่าพอร์ตบริหารหนี้เมื่อสิ้นปี 56 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท
ปัจจัยดังกล่าวสนับสนุนให้ภาพรวมผลประกอบการในปี 57 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตอีกประมาณ 40-50% จากปี 56 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 75.08 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯได้เปิดสาขานำร่องในต่างจังหวัด 6 สาขาแรก เพื่อเป็นศูนย์ชำระและให้บริการติดตามหนี้ประนีประนอมหนี้ รวมถึงให้คำปรึกษาลูกค้า ทั้งนี้ ในปี 58 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะขยายสาขาเพิ่มอีก 14 สาขา เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในเขตพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น