"เมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และตอนนี้อยู่ในขั้นตอนจัดเตรียมที่ปรึกษาการเงิน ผมคิดว่า GPSC จะเป็นตัวแรกในกลุ่ม ปตท.ที่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้และเป็นหุ้น Big Cap ซึ่งจะสร้างสีสันให้กับตลาดหุ้นไทย"นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน PTT กล่าว
ทั้งนี้ GPSC ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้าเติบโตปีละ 200 เมกะวัตต์ภายในช่วง 4-5 ปี โดยปรับมาเน้นการเติบโตในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีทั้งพลังงานน้ำ (Hydro) ที่กลุ่มบริษัทเข้าไปลงทุนฝายน้ำล้นไซยะบุรีใน สปป.ลาว และโรงไฟฟ้าถ่านหินในพม่าที่บริษัทได้เข้าร่วมทุนกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ที่เมืองมะริด ขนาดกำลังการผลิต 1,800 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ จะมุ่งเน้นในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานชีวภาพและโรงไฟฟ้าขยะ
อย่างไรก็ตาม สำหรับเป้าหมายปี 63 ที่เคยวางไว้ในระดับ 6 พันเมกะวัตต์นั้น อาจจะมีการปรับลดลงตามทิศทางความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศ ก็จะทำให้โอกาสสร้างโรงไฟฟ้าใหม่น้อยลงไปด้วย
ปัจจุบัน GSPC มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 2 พันเมกะวัตต์ ถือหุ้นโดย บมจ.ปตท. (PTT) สัดส่วน 30.10% บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) สัดส่วน 30.31% บมจ.ไทยออยล์ (TOP) สัดส่วน 11.8% และ บริษัท ไทยออยล์ พาวเวอร์ ถือ 27.71%
นายสุรงค์ คาดว่า กำไรของ GSPC ในปี 58 จะใกล้เคียงกับปี 57 ที่คาดว่าจะมีกำไรประมาณ 2 พันล้านบาท เพราะปีนี้จะไม่มีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา