นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบแนวทางดำเนินการรองรับการรวม AFET กับ TFEX ซึ่งการรวมตลาดดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศในด้านการประหยัดต่อขนาด (economy of scale) และอำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนสามารถทำธุรกรรมได้ในตลาดเดียว ซึ่งจะยกระดับความสามารถในการแข่งขันของตลาดซื้อขายล่วงหน้าของไทยสู่ระดับสากล
ทั้งนี่ ก.ล.ต. ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปได้อย่างราบรื่น โดยพิจารณาใน 3 ด้านหลัก คือ
(1) ในด้านสินค้าและตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ก.ล.ต. จะดำเนินการให้สินค้าเกษตรมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลตาม พ.ร.บ. สัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และให้ TFEX สามารถออกและเปิดให้ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงสินค้าเกษตรได้ โดยในช่วงแรกให้ซื้อขายควบคู่ไปกับตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าก่อน เพื่อให้การซื้อขายมีความต่อเนื่องและไม่กระทบต่อผู้ลงทุน
(2) ด้านผู้ที่ประกอบธุรกิจสินค้าเกษตรล่วงหน้าอยู่แล้ว ก.ล.ต. จะออกเกณฑ์รองรับให้มาขออนุญาตประกอบธุรกิจตาม พ.ร.บ. สัญญาซื้อขายล่วงหน้าฯ ได้ โดยอ้างอิงเกณฑ์กำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจตาม พ.ร.บ. สัญญาซื้อขายล่วงหน้าฯ ในปัจจุบัน แต่จะผ่อนปรนบางเรื่องไประยะหนึ่ง อาทิ คุณสมบัติของผู้ยื่นขอรับใบอนุญาต ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว การดำรงเงินกองทุน เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถให้บริการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงสินค้าเกษตรใน TFEX ได้อย่างต่อเนื่อง และขณะเดียวกันผู้ลงทุนก็ได้รับความคุ้มครองและไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบโดยรวม
และ (3) ด้านบุคลากร ก.ล.ต. ยินดีรับบุคลากรของ ก.ส.ล. ที่สมัครใจเข้าปฏิบัติงานที่ ก.ล.ต. ในตำแหน่งที่เหมาะสมโดยพิจารณาตามความรู้ความสามารถและประสบการณ์ และเงินเดือนไม่น้อยกว่าเดิมรวมทั้งดูแลให้ได้รับสวัสดิการที่เทียบเท่าบุคลากรของ ก.ล.ต. ในตำแหน่งที่เทียบเท่ากันด้วย