นอกจากนี้ บริษัทยังจะได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลได้ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) และมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ในระยะต่อไป จะทำให้บริษัทมีภาระขาดทุนลดลง จากระดับปกติมีผลขาดทุนจากทั้งสองผลิตภัณฑ์ราว 3 หมื่นล้านบาท/ปี รวมถึงการขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดในบมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) ตามแผนในปีนี้ก็จะทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมทบทวนประมาณการราคาน้ำมันดิบดูไบในปีนี้ใหม่ จากที่เคยประเมินว่าจะมีระดับเฉลี่ยอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยหากโอเปกไม่ลดกำลังการผลิตลงก็คาดว่าจะปรับราคาน้ำมันดิบดูไบคงจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 40-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่หากโอเปกลดกำลังการผลิตก็อาจจะยังคงราคาน้ำมันดิบในระดับเดิม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปลายเดือน ม.ค.58