จากการที่ ทอท. ได้ออกประกาศให้ผู้ปฏิบัติงานในอากาศที่จะปิดใช้ทางวิ่งฝั่งตะวันตก (ทางวิ่งด้านถนนกิ่งแก้ว) ตลอดความยาวทางวิ่ง ในช่วงเวลากลางคืนตั้งแต่เวลา 01.00-06.00 น. ของทุกวัน ระหว่างวันที่ 8 ม.ค. จนถึง 14 ก.พ. 58 รวมทั้งสิ้น 38 วัน โดยจะเหลือการใช้งานทางวิ่งฝั่งตะวันออก (ทางวิ่งด้านลาดกระบัง) เพียงทางวิ่งเดียว ส่วนในเวลากลางวันตั้งแต่เวลา 06.00 – 01.00 น. จะเปิดทางวิ่งทั้ง ๒ ฝั่งเช่นปกติ แต่จำเป็นต้องปิดทางวิ่งฝั่งตะวันตกบางส่วนในบริเวณหัวทางวิ่ง และยังเหลือพื้นที่ใช้งานเป็นระยะทาง 3,100 เมตรเพื่อให้เครื่องบินทำการขึ้นและลง
ในการนี้วิทยุการบินฯ ได้มีการปรับวิธีปฏิบัติการบริการจราจรทางอากาศให้สอดคล้องรองรับกับพื้นที่ทางวิ่งที่เหลือใช้งานในทั้งสองช่วงเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด รองรับปริมาณการจราจรให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่จะใช้ทางวิ่งฝั่งตะวันออกเพียงทางวิ่งเดียวให้สามารถรองรับเครื่องบินขึ้น/ลงเฉลี่ยชั่วโมงละ 38 เที่ยวบิน/ชั่วโมง ส่วนในช่วงกลางวันจะมีการใช้ทางวิ่งทั้ง 2 ทางวิ่งในการนำเครื่องขึ้นและลงให้ได้เฉลี่ย 48 เที่ยวบิน/ชั่วโมง เพื่อให้รองรับปริมาณจราจรทางอากาศที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันให้ได้เต็มประสิทธิภาพ
นางสาริณี กล่าวเพิ่มเติมว่า วิทยุการบินฯ ได้มีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสายการบินต่าง ๆ มีความเห็นตรงกันว่าระยะทางของทางวิ่งฝั่งตะวันตกในส่วนที่เหลืออยู่ 3,100 เมตร เพียงพอและสามารถรองรับสำหรับการขึ้นและลงของอากาศยานตามรูปแบบการใช้งานที่ได้กำหนดไว้
ยกเว้นกรณีที่บางเที่ยวบินอาจมีข้อจำกัดด้านสมรรถนะของเครื่องบิน อาทิ เครื่องบินขนาดใหญ่ที่ใช้บินระยะไกล มีความจุของน้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณมาก จำเป็นต้องใช้ระยะทางในการวิ่งขึ้นมากกว่า 3,100 เมตร เป็นต้น จะไม่สามารถทำการขึ้นหรือลงในทางวิ่งฝั่งตะวันตกได้ ต้องวิ่งขึ้นจากรันเวย์ฝั่งตะวันออกเท่านั้น ซึ่งนักบินจะแจ้งให้หอบังคับการบินทราบก่อนล่วงหน้าเพื่อบริหารจัดการตามที่นักบินร้องขอต่อไป
วิทยุการบินฯ จะใช้หลักการบริหารความคล่องตัวในการจัดจราจรทางอากาศ หรือ Air Traffic Flow Management มาใช้บริหารจัดการ ในการจัดสรรปริมาณเที่ยวบินในแต่ละช่วงเวลาให้เหมาะสมกับความสามารถในการรองรับเที่ยวบินของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยได้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว รวมถึงได้มีการแจ้งข้อมูลล่วงหน้าให้สายการบินทราบถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น และขอความร่วมมือให้มีการปรับตารางการบิน เพื่อเฉลี่ยปริมาณเที่ยวบินในแต่ละช่วงเวลาให้มีความเหมาะสม เพื่อมิให้เกิดการสะสมของเครื่องบิน อันจะส่งผลให้เกิดความล่าช้า และลดความเสี่ยงในการทำการบินไปลงที่สนามบินสำรอง หรือสนามบินอื่น
อย่างไรก็ตาม วิทยุการบินฯ จะดำเนินการบริหารจัดการจราจรทางอากาศอย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการบินในภาพรวม ช่วยบริหารปัญหาความล่าช้า โดยยังคงคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด ความสะดวกสบาย ในการเดินทางของผู้โดยสาร และผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเป็นสำคัญ