นายธีระชัย ประสิทธิรัตนพร กรรมการผู้จัดการ ของ TMI กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกให้เพิ่มขึ้นเป็น 15-17% จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 10-12%
"ปีนี้เราจะผลักดันให้รายได้มีการเติบโตและมีผลประกอบการออกมาเป็นบวกให้ได้ โดยเราจะเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ๆเพิ่มไปด้วย ในขณะเดียวกันเราก็ยังมีการเจรจากับตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาเพื่อที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นภายในประเทศด้วย"นายธีระชัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายธีระชัย กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปีนี้ว่า บริษัทไม่มีแผนการลงทุนใหม่เพิ่มเติม เนื่องจากยังไม่มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม หากในช่วงครึ่งปีแรกภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนทางบริษัทอาจพิจารณาทบทวนแผนงานเพื่อขยายการลงทุนอีกครั้ง
"ก่อนหน้านี้เราเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นอย่างแน่นอน แต่หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างหนัก เศรษฐกิจของยุโรปเองก็ไม่ดีนัก เราจึงกังวลว่าอาจจะกระทบการส่งออก และกระทบมาถึงเศรษฐกิจในประเทศ เราจึงยังไม่มีการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งเราจะเน้นถือเงินสดไว้ก่อน แต่หากดูสถานการณ์ในครึ่งปีแรกแล้วดีขึ้นจริงเราก็อาจจะมาทบทวนการลงทุนเพิ่มเติมได้"นายธีระชัย กล่าว
สำหรับผลประกอบการในปีที่ผ่านมา บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตอย่างน้อย 5% จากปี 56 ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเติบโตได้ 10-15% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 56 และแม้ขณะนี้สถานการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่กำลังซื้อยังไม่ได้กลับมาดีเท่าที่คาดไว้ จึงส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัท ขณะที่ในส่วนของกำไรสุทธิทั้งปียังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะออกมาเป็นผลกำไรหรือขาดทุน
"ในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา สถานการณ์ต่างๆดีขึ้น แต่เรายังไม่สามารถบอกได้ว่าจะดีขึ้นมาถึงระดับที่จะทำให้บริษัทกลับมามีกำไรได้หรือไม่ เพราะ 9 เดือนแรกเราขาดทุนอยู่ประมาณ 5 ล้านบาท ในส่วนของรายได้เรามั่นใจว่าอย่างน้อยต้องเติบโต 5% แต่จะไปถึงตัวเลข 2 หลักหรือไม่นั้นเราก็ยังรอลุ้นอยู่"นายธีระชัย กล่าว
อนึ่ง TMI เปิดเผยผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 57 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 334.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.52% จากช่วงเดียวกันของปี 56 แต่มีผลขาดทุนสุทธิ 5.42 ล้านบาท