สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (5 – 9 มกราคม 2558) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 424,391 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 84,878 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 89% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 63% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 266,771 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 114,575 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 10,965 ล้านบาท หรือคิดเป็น 27% และ 3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A (อายุ 4.4 ปี) LB176A (อายุ 2.4 ปี) และ LB21DA (อายุ 6.9 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 25,105 ล้านบาท 21,044 ล้านบาท และ 13,331 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด รุ่น AWN244B (AA+) มูลค่าการซื้อขาย 1,113 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) รุ่น LH153A (A+) มูลค่าการซื้อขาย 776 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (7) จำกัด รุ่น MBSD199A (AA-) มูลค่าการซื้อขาย 693 ล้านบาท
ราคา (Price) ของพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะพันธบัตรอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป หรือผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทน (Yield) ต่ำลง ประมาณ 0.10% - 0.30% หากเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่าจะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งตลาดคาดว่า ECB จะเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวภายในไตรมาส 1/58 ส่งผลให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเก็งกำไรจากราคาที่อาจปรับตัวสูงขึ้น หากมีปริมาณเงินจากการดำเนินมาตรการ QE ไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ ตัวเลขเงินเฟ้อของไทย สำหรับเดือน ธ.ค. 57 อยู่ที่ระดับ 0.6% (yoy) ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 62 เดือน ทำให้นักลงทุนคาดว่าเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องไปอีกซักระยะ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้ที่ ธปท. อาจลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมีอยู่ไม่มากนัก
นอกจากนี้แล้ว การประมูลพันธบัตรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ด้วยความต้องการประมูลในจำนวนที่สูงกว่าปริมาณพันธบัตรที่ออกขาย (ค่า Bid Coverage Ratio: BCR) ประมาณ 2.5 – 3.5 เท่า ส่งผลให้ราคาของพันธบัตรรุ่นที่เปิดให้มีการประมูลอยู่ในระดับที่สูง และมีส่วนทำให้ราคาของพันธบัตรรุ่นใกล้เคียงปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (5 – 9 ม.ค. 58) เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าสู่ตราสารหนี้ระยะยาว (อายุคงเหลือ > 1 ปี) อีก 8,198 ล้านบาท