นายรัตนชัย วิไลเลิศโภคา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ OCEAN เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 58 อยู่ที่ราว 400 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ตามการขยายตัวของโมเดิร์นเทรดที่เป็นช่องทางการจำหน่ายสำคัญ และการขยายตลาดไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดการเจรจากับพันธมิตรในอินโดนีเซียเพื่อขายก๊อกน้ำแบรนด์ Duss รอสรุปรายละเอียดอีกครั้ง รวมถึงอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าไปจำหน่ายสินค้าในพม่าเพิ่มเติมด้วย ซึ่งบริษัทคาดว่าในปีนี้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 15% จาก 5% ในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ในช่วงก่อนหน้าบริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายนำเข้าอุปกรณ์เครื่องมือช่าง เครื่องมือไฟฟ้าภายใต้ชื่อทางการค้าและเครื่องหมายการค้า"GOODYEAR"คาดว่าในปีนี้จะทำรายได้ราว 60 ล้านบาท
"แผนการเติบโตของรายได้ในปีนี้เรายังมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่เราวางไว้ว่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ในทุกๆ ปี เราจะจะรุกตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ขณะเดียวกันเรายังมีรายได้ของ GOODYEAR เข้ามาเพิ่มเติมอีก จากที่ก่อนหน้านี้เราไม่มี ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถทำให้รายได้เติบโตไปตามเป้าหมายที่วางไว้"นายรัตนชัย กล่าว
นอกจากนั้น นายรัตนชัย ยังกล่าวว่า บริษัทตั้งงบ 20-30 ล้านบาทเพื่อลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาโรงงาน กำลังการผลิตไม่เกิน 1 เมกะวัตต์ เพื่อนำไฟฟ้ามาใช้ในโรงงานของบริษัท ขณะนี้อยู่ระหว่างรออนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนค่ากระแสไฟฟ้าที่คิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้กำไรเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับอัตรากำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10% จากราว 7% ในปีก่อน หลังจากช่วงต้นปีบริษัทปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 10% รวมไปถึงการบริหารจัดการต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตด้วย
"ปีนี้เรามั่นใจว่าอัตรากำไรสุทธิของเราจะขึ้นมาอยู่ในระดับ 10% ได้ เพราะช่วงต้นปีนี้เราได้ปรับราคาสินค้าขึ้น 10% และเรายังจะเน้นการบริหารจัดการเรื่องต้นทุนรวมไปถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพด้วย ขณะเดียวกันเราก็คุยรายละเอียดเรื่องโซลาร์รูฟท็อปไปพอสมควรแล้วจะเหลือก็แค่ความชัดเจนการสนับสนุนการลงทุนจากบีโอไอ โดยหากโซลาร์รูฟท็อปแล้วเสร็จเราจะนำไฟฟ้าที่ได้มาใช้ในโรงงานทั้งหมด ซึ่งจะสามารถเพิ่มกำไรสุทธิของเราได้"นายรัตนชัย กล่าว
นายรัตนชัย กล่าวอีกว่า ส่วนผลประกอบการในปี 57 มั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้จะเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยยอดขายที่เติบโตส่วนใหญ่มาจากงานรับจ้างผลิต (OEM) ขณะเดียวกันมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามา อย่างต่อเนื่องจากทั้งจากลาวและเวียดนาม
ด้านความคืบหน้าการก่อสร้างโรงงานเฟส 2 ที่จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2 ล้านชิ้น/ปี จากปัจจุบันที่ผลิต 1 ล้านชิ้น/ปี และโชว์รูมก๊อกน้ำใน จ.สิงห์บุรี เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าก๊อกน้ำของประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มทั้งในประเทศและต่างประเทศ(Niche Market)นั้น จะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.นี้ ตามแผนแน่นอน