หลังจากที่ บลจ.ทิสโก้ประสบความสำเร็จกับการบริหารกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ “หุ้นญี่ปุ่น" ในซีรีย์ “ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8%" ทั้ง 5 กอง โดยสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 8% ได้หมดทุกกอง และจากความโดดเด่นของตลาดหุ้นญี่ปุ่นในขณะนี้
โดยกองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #6 (TISCO Japan Equity Trigger 8% Fund 6) เป็น กองทริกเกอร์ฟันด์ลงทุนในหุ้นชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวของญี่ปุ่น โดยลงทุนผ่านกองทุนอีทีเอฟ Nikkei 225 Exchange Traded Fund ซึ่งสามารถเลิกโครงการก่อนครบกำหนดหากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% โดยที่ผ่านมา บลจ.ทิสโก้ได้เคยเปิดเสนอขายกองทุนทริกเกอร์ฟันด์หุ้นญี่ปุ่นมาแล้วทั้งสิ้น 5 กองทุน และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายทั้งหมด หรือคิดเป็น 100% โดยกองที่ทำสถิติเข้าเป้าหมายและสามารถยกเลิกกองทุนได้เร็วที่สุด ได้แก่ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #5" ที่ใช้เวลาบริหารเพียง 8 วันทำการเท่านั้น สะท้อนความเชี่ยวชาญในการลงทุนต่างประเทศ และการจับจังหวะการลงทุนอย่างแม่นยำของทิสโก้ได้เป็นอย่างดี
"เราประสบความสำเร็จในการบริหารกองทุนซีรีย์ทริกเกอร์หุ้นญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก โดยกองทั้ง 5 กองที่เสนอขายมาก่อนหน้านี้ ถึงเป้าหมายหมดทุกกอง สะท้อนความเชี่ยวชาญในการลงทุนต่างประเทศ และการจับจังหวะการลงทุนอย่างแม่นยำของทิสโก้ได้เป็นอย่างดี โดยกองทริกเกอร์หุ้นญี่ปุ่นกองที่ 6 นี้ เราก็มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเช่นเคย" นายสาห์รัช กล่าว
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) ได้คงคำแนะนำ “ซื้อ" หุ้นญี่ปุ่น โดยวิเคราะห์ว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังเป็น Top Pick ในหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจาก Valuation ที่ยังดูน่าสนใจกว่าตลาดหุ้นในกลุ่มเดียวกัน มีการขยายตัวของกำไรที่สูงกว่า ประกอบกับค่าเงินเยนที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงในระยะยาวหลังพรรค LDP ของนายชินโสะ อาเบะ ชนะการเลือกตั้งและกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาได้อีกครั้ง โดยชัยชนะของพรรค LDP เป็นการตอกย้ำถึงเสียงสนับสนุนของประชาชนที่มีต่อนโยบายอาเบะโนมิกส์ (Abenomics) และเชื่อว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นประเด็นสนับสนุนให้เงินเยนกลับมาอ่อนค่า และตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้ โดยคาดว่าจะมี Upside ระยะยาวจากนโยบายปฏิรูปภาษี การกระตุ้นการบริโภค และนโยบายกระตุ้น เศรษฐกิจ QQE2 จากภาครัฐ