"ปีนี้เรามีโอกาสที่จะพลิกกลับมามีกำไรได้ หากว่าเราสามารถใช้กำลังการผลิตได้ไม่ต่ำกว่า 80% แต่เราก็ยังไม่มั่นใจเพราะปัจจุบันเรายังมองภาพของเศรษฐกิจไม่ออก แต่เราก็จะพยายามที่จะผลิตและจำหน่ายให้มากที่สุด เราเชื่อว่าโครงการต่างๆที่ชะลอไปจะกลับมา ซึ่งในช่วงสัปดาห์แรกของปีถือว่าดีขึ้น แต่เราก็ขอดูก่อนว่าจะดีขึ้นจริงหรือไม่ แล้วถึงจะบอกได้อย่างชัดเจนว่าแนวโน้มการเติบโตจะเป็นไปในทิศทางใดบ้าง คงสรุปได้ช่วงปลายไตรมาส 1"นายขวัญชัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นอกจากนั้น บริษัทยังตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการส่งออกให้เป็น 30% ในปีนี้ จากปี 57 ที่อยู่ในระดับกว่า 20% โดยเตรียมขยายตลาดไปยังญี่ปุ่น และออสเตรเลีย จากตลาดเดิมที่มีการส่งออกไปยังมาเลเซีย อินเดีย เนปาล และ เวียดนาม
"ก่อนหน้านี้เราเคยมีแผนที่จะส่งออกไปยังประเทศที่นอกเหนือจากประเทศที่อยู่รอบๆบ้านเราแล้ว แต่ช่วงที่เขาต้องการของ เราก็ไม่มีกำลังการผลิตเหลือให้ แต่พอเรามีกำลังการผลิตเหลือให้เขาก็ไม่ต้องการ จากนี้เราก็จะปรับให้มีความสมดุลมากขึ้นเพื่อขยายสัดส่วนการส่งออก เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นภายในประเทศ"นายขวัญชัย กล่าว
นายขวัญชัย กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมพิจารณาแผนลงทุนจัดซื้อเครื่องจักรใหม่เข้ามาเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะสามารถสรุปแผนงานได้ในช่วงกลางปี และหากมีข้อสรุปที่จะลงทุน ทางบริษัทก็จะเริ่มดำเนินการในช่วงครึ่งปีหลังทันที เพื่อที่จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ในปี 59 เป็น 6 หมื่นตัน/ปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ 4-4.5 หมื่นตัน/ปี
"จริงๆแล้วแผนของเราคือต้องมีกำลังการผลิตให้ถึง 6 หมื่นตันตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยภาพรวมของเศรษฐกิจที่ไม่ดี ส่งผลต่อการบริโภคภายในประเทศที่มีการชะลอตัวลงไปด้วย เราจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนในการลงทุน เพื่อไม่ให้บริษัทฯมีผลขาดทุนมากกว่านี้ เพราะถ้าหากเราลงทุนไปแล้วไม่ได้ใช้กำลังการผลิตและเรายังต้องมาหักค่าเสื่อมอีก จะไม่เป็นผลดีต่อบริษัทฯ เราจึงต้องชะลอแผนออกไป แต่ในปีนี้หากเศรษฐกิจกลับมาดี และเราใช้กำลังการผลิตใกล้เต็มเราก็จะพิจารณาลงทุนเพิ่มในช่วงกลางปีเพื่อที่จะรองรับการเติบโตในปี 59 ต่อไป"นายขวัญชัย กล่าว