"เป้าหมายการเติบโตยังคงไว้ที่ 15% ปีนี้มองว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยยอดคำสั่งซื้อทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่มีเข้ามาเพิ่มขึ้น ขณะที่การขายผ่านช่องทางออนไลน์มีความคืบหน้าขึ้น แต่สัดส่วนยังน้อยอยู่"นายอารักษ์ กล่าว
บริษัทมีแผนขยายตลาดในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายยังประเทศมาเลเซียเพิ่มเติม หลังจากได้รุกตลาดอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์แล้ว เพื่อผลักดันยอดขายรวมให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม ลูกค้ากลุ่มหลักของบริษัทในปัจจุบันยังเป็นลูกค้าในญี่ปุ่น
นายอารักษ์ กล่าวถึงการร่วมทุนกับ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง(GUNKUL)จัดตั้งบริษัทผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) ขนาดกำลังการผลิตประมาณ 10 เมกกะวัตต์ว่า คาดว่าจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าดังกล่าวในไตรมาส 3/58 ถึงไตรมาส 4/58 ราว 80 ล้านบาท
สำหรับการอ่อนค่าของเงินบาทในขณะนี้ บริษัทฯถือว่าได้รับอานิสงส์พอสมควร ในแง่ที่สามารถส่งออกได้มากขึ้น รวมถึงภาพรวมที่คาดการณ์ว่าในปีนี้การส่งออกของไทยจะเติบโตได้ราว 3-4% น่าจะเป็นตัวช่วยให้เกิดแรงซื้อในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการจับจ่ายใช้สอยของภาคเกษตรกรจะมีแนวโน้มดีขึ้น