นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งแคบ เนื่องจากตลาดฯยังไม่ได้มีปัจจัยอะไรใหม่เข้ามา ส่วนใหญ่จะโฟกัสไปที่การประชุมธนาคารกลางในยุโรป(ECB)ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ กันมากกว่า
นอกจากนี้ราคาน้ำมันก็ยังปรับตัวลงต่อเนื่อง ดังนั้นจะต้องระมัดระวังแรง take profit ด้วยโดยเฉพาะเมื่อเข้าใกล้บริเวณแนวต้าน ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็มีลักษณะของการแกว่งแคบทั้งในแดนบวก-ลบ
พร้อมให้แนวรับ 1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,540 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(13 ม.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,613.68 จุด ลดลง 27.16 จุด(-0.15%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,661.50 จุด ลดลง 3.21 จุด(-0.07%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,023.03 จุด ลดลง 5.23 จุด(-0.26%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 125.89 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 60.36 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.04 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 4.10 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.17 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.64 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 6.24 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(13 ม.ค.58)1,534.97 จุด เพิ่มขึ้น 3.76 จุด(+0.25%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,198.62 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ม.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(13 ม.ค.58) ปิดที่ 45.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 18 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(13 ม.ค.58)ที่ 6.98 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.80/82 แข็งค่าเล็กน้อย คาดวันนี้แกว่งแคบตามภูมิภาครอปัจจัยใหม่
- "ม.หอการค้าไทย"ประเมินส่งออกปีนี้ขยายตัว 3.1% ปัจจัยตลาดสหรัฐ-อาเซียนขยายตัวดี ห่วงตลาดยุโรป-ญี่ปุ่น-จีน เหตุเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่ "จีเอสพี" กระทบไทยมูลค่าส่งออกหายเกือบ 3 หมื่นล้าน แนะเร่งหาตลาดใหม่ ฟื้นเจรจา เอฟทีเอ ราคาน้ำมันร่วง-รูเบิลอ่อน กระทบส่งออกเล็กน้อย สศค.สั่งศึกษา 4 มาตรการเสริมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากยังขยายตัวต่ำคาด พร้อมประเมินราคาน้ำมันที่ลดลง ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ
- นายกรัฐมนตรีเปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่าภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ไม่ค่อยดีมีปัญหาอยู่มาก โดยเฉพาะกำลังซื้อของคนในระดับรากหญ้าที่ลดลง รายได้ของประชาชนในบางกลุ่มลดลง จากมาตรการของรัฐบาลและคสช.ที่ไปจัดระเบียบการค้าขาย และปราบปรามธุรกิจการพนัน ธุรกิจสีเทา จึงต้องเร่งแก้ไข
- ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเปิดเผยว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)และธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพื่อจัดทำกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 2559 โดยสรุปตัวเลขงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ 2.72 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 2558 กว่า 2.57 แสนล้านบาท เป็นงบลงทุน 20% หรือราว 5.34 แสนล้านบาท ภายใต้ประมาณการความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 4.2%
- นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน รอง ผู้ว่าการด้านบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้ การลดดอกเบี้ยเพื่อลดต้นทุนการเงิน ไม่ได้ช่วยให้ภาคเอกชนอยากลงทุนเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยไม่ได้เป็นอุปสรรคในการลงทุน
- แบงก์ชาติแจงการเปลี่ยนใช้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปครั้งแรก หวังเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารนโยบายการเงินเป็นสำคัญ ในทางปฏิบัติยังประเมินความเสี่ยงการขยายตัวเศรษฐกิจและเสถียรภาพด้านราคาอยู่ ยอมรับเงินเฟ้อทั่วไปมีสิทธิหลุด เป้าหมายได้ เพราะมีปัจจัยเสี่ยงที่คุมไม่ได้ โดยหากเงินเฟ้อหลุดเป้าจริงจะทำหนังสือชี้แจงประชาชน และคณะรัฐมนตรี
- สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยเผยปีนี้เอกชนจ่อออกหุ้นกู้อีก 5.2-5.4 หมื่นล้านบาท หลังปีที่ผ่านมาทำสถิติออกขายมากสุดถึง 5.5 แสนล้านบาท เหตุดอกเบี้ยต่ำ ระบุต่างชาติทยอยกลับเข้าลงทุนแล้วกว่า 4.3 หมื่นล้านบาท หลัง คสช.บริหารประเทศ แต่ยอดขายออกยังมากกว่า ส่งผลให้ทั้งปีต่างชาติถือครองตราสารหนี้ไทยติดลบ 3.7% ส่วนปีนี้เชื่อเฟดลดดอกเบี้ยไม่กระทบเงินไหลออก ขณะที่ดอกเบี้ยไทยอาจขึ้นช่วงครึ่งหลังของปี จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง
*หุ้นเด่นวันนี้
- TTA(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ทยอยสะสม"เป้า 32.10 บาท เพื่อรับสิทธิ XD หุ้นละ 0.25 บาท ในวันที่ 3 ก.พ. และ XR, XW, XB ในวันที่ 5 ก.พ. และคาดว่าราคาหุ้นฟื้นตัวต่อเนื่องทิศทางเดียวกับดัชนี BDI ที่ขึ้นมา 2 วันติดต่อกันอีก 39 จุดเป็น 762 จุด และมี Catalyst รออยู่ในเดือน ม.ค.คือการเข้าประมูลซื้อหุ้น BCP ซึ่งบริษัทลูกของ TTA เป็น 1 ใน 4 บริษัทที่เข้าประมูลคาดรู้ผลเดือนนี้ อีกทั้งมีความพร้อมต่อการลงทุนขนาดใหญ่ หลังเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม(RO)คาดจะระดมทุนได้ราว 8-9 พันล้านบาท และเมื่อรวมกับเงินสดในมืออีก 7.6 พันล้านบาทจะส่งผลให้มีเงินสดรวมสูงถึง 1.6 หมื่นล้านบาท
- SCC(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 540 บาท คาดกำไรสุทธิ 4Q14 7.5 พันล้านบาท -6% y-y และ -4% q-q จากขาดทุนสต็อกราว 2.5 พันล้านบาท ตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง(คาดตลาดรับรู้ข่าวนี้ไปแล้วระดับหนึ่ง)อีกทั้งคาดราคาน้ำมันลง ส่งผลให้ขาขึ้นของ Olefins ยืดออกไปถึงปี 2017 และความต้องการใช้ซีเมนต์ระยะยาวยังเติบโตต่อเนื่อง
- AAV(โกลเบล็ก)ราคา Consensus สูงสุดที่ 7 บาท คาดกำไรปี 2558 ฟื้นตัวแข็งแกร่งโดยได้ประโยชน์สูงสุดในกลุ่มสายการบินจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง เนื่องจากทำ Hedging ล่วงหน้าเพียง 15% (ต่ำสุดในอุตฯ) ส่งผลให้ต้นทุนลดลง และเข้าสู่ช่วง High season การท่องเที่ยว และได้อานิสงส์จากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล อีกทั้ง consensus คาด 4Q57 พลิกมีกำไรราว 350 ล้านบาท และทั้งปี 57 มีกำไรที่ 100 ล้านบาท
- CPALL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 54 บาท และเป็น Top pick ของกลุ่ม แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q14 อาจทรงตัว Q-Q คือ 2.6 พันล้านบาทเพราะ 4Q มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติ ประกอบกับผลตอบรับของ Stamp promotion ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ยอดขายสาขาเดิมน่าจะติดลบ 1.5% Y-Y แต่ก็ฟื้นตัวจาก -4.5% Y-Y ใน 3Q14 จึงปรับลดกำไรสุทธิปี 57-58 ลงเล็กน้อย 4% และ 3% ตามลำดับ โดยคาดกำไรปี 57 ทรงตัวติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แต่จะกลับมาโตโดดเด่น 31% Y-Y ในปี 58 เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายดีลซื้อ MAKRO เหมือนปีก่อน และมีแผน Refinance หนี้ในปีนี้