ทั้งนี้ บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการเป็นผู้ผลิตของอุตสาหกรรมผลิตยางรถจักรยานยนต์ในประเทศ โดยมุ่งเน้นการรักษาคุณภาพของสินค้า และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ตรงตามความต้องการของตลาดเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า พัฒนาสินค้าให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ในระยะยาวพร้อมสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ได้ โดยวางเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ ขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 3 อันดับแรกของบริษัทในอุตสาหกรรมการผลิตยางรถจักรยานยนต์ในประเทศภายใน 3 ปี (2560)
"ขอให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นใน NDR ว่าคณะผู้บริหารและพนักงานทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยผลักดันธุรกิจให้เติบโตไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง โดยบริษัทมีแผนการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและขอให้นักลงทุนทุกท่านสบายใจและมั่นใจได้ เพราะกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่เต็มใจนำหุ้นที่เหลือเข้า Lock-up Period ทั้งหมด 100% นอกเหนือจากหุ้นที่เข้าเกณฑ์จะต้องติดไซเรนพีเรียดอยู่แล้ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนว่าเราพร้อมจะยืนหยัดอยู่กับ เอ็น.ดี.รับเบอร์ ตลอดไป" นายชัยสิทธิ์ กล่าว
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ (NDR) เปิดเผยว่า การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 65 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาหุ้นละ 2.70 บาท ถือเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน โดยมีค่าพีอีเรโชว์เพียง 11 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับค่าพีอีเรโชว์ ของตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งคาดว่าหลังการเข้าเทรดจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจาก NDR เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตยางรถจักรยานยนต์ยาวนานมากว่า 20 ปี ขณะที่ทีมผู้บริหารมีวิสัยทัศน์กว้างไกล โดยมีแผนการขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายรายได้และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง
"มั่นใจว่าหุ้น NDR จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีฐานลูกค้าแข็งแกร่ง ซึ่งมีลูกค้าหลักประเภท OEM ในประเทศมาเลเซีย รวมถึงมีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายกว่า 200 รายทั่วประเทศ และรับจ้างผลิตในประเทศให้กับบริษัทชั้นนำในประเทศไทย เช่น YAMAHA เป็นต้นนอกจากนี้ยังมีแผนการขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่มีการบริหารจัดการด้านต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะช่วยผลักดันให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต" นายวิชากล่าว