สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ( 14 ม.ค. 58) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 81,230 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 41,504 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 51.1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 31,959 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 39.3% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,995 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.7% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB21DA, LB176A และ LB196A (รุ่นอายุ 6.9 ปี, 2.4 ปี และ 4.4 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 25,451 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT174A) มูลค่า 438.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (BCP174A) มูลค่า 327.8 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC21NA) มูลค่า 244.9 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,010.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 33.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,079 ล้านบาท
2. นักลงทุนรายย่อย มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 339 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 379 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 1.98% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.19% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ค่อนข้างนิ่ง เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 1 bp. โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่น Benchmark อายุ 5 ปี ที่ประมูลวันนี้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุน 2.22 เท่า ของวงเงินประมูล ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับลดลง 11.73 จุด จากแรงขายทำกำไรและราคาหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันโลก นักลงทุนยังคงติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งล่าสุดธนาคารโลก (World Bank) ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2558 เพราะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ลดลง รวมทั้งความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำ สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 379 ล้านบาท