บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมอ้างอิงคู่แข่งในตลาด เช่น CPR โดยประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ NDR ที่ 3.7-4 บาท อ้างอิง PER 13-14 เท่าปี 15F มองว่า NDR จะได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่และราคาวัตถุดิบยางภายในประเทศที่ต่ำ
NDR ประกอบธุรกิจแบ่งได้เป็น 5 ประเภท คือ 1) ยางนอกของรถจักรยานยนต์ ทั้งประเภทที่ใช้ยางในและไม่ต้องใช้ยางใน 2) ยางในสำหรับรถจักรยานยนต์ 3) จำหน่ายแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์และจักรยานยนต์ยี่ห้อ FB และ 3K 4) ผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตจากยาง และ 5) รายได้อื่นๆทเช่นทการขายหน้ายางสำหรับหล่อดอกรถยนต์ และรายได้จากการขายวัตถุดิบ โดยรายได้หลักของ NDR มาจากการขายยางสำหรับรถจักรยานยนต์เป็นหลักคิดเป็นสัดส่วนราว 80% ของรายได้ และมีการซื้อยางจากผู้ผลิตภายในประเทศเป็นหลัก ปัจจุบันบริษัทใช้กำลังการผลิต 70-80% และตลาดหลักของบริษัท คือ ตลาดอะไหล่ทดแทน (Replacement Market) ไม่ใช่ตลาด OEM จึงน่าจะได้ผลกระทบน้อยจากกำลังซื้อในต่างจังหวัดที่ลดลง
โครงการอนาคต ในช่วง 3Q14 บริษัทได้ทำการลงทุนก่อสร้างอาคารและสั่งซื้อเครื่องจักรรวมมูลค่า 230 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงินและคาดกำลังการผลิตใหม่จะเข้ามาในช่วง 1Q15 เป็นไปต้นไป โดยจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปชำระคืนหนี้เงินกู้ และยังไม่มีแผนการลงทุนใหม่ที่สำคัญในช่วง 1 ปีข้างหน้านี้ และในด้านการดำเนินงานจะมีการผลิตสินค้าส่งขายอินเดียในช่วง 2Q15