พร้อมกันนั้น ยังมีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงจำนวนและมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) ของบริษัทจากเดิมราคาพาร์ 0.25 บาท/หุ้น เป็นราคาพาร์ 0.05 บาท/หุ้น ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนหุ้นสามัญเพิ่มขึ้นจากเดิม 1,504,436,600 หุ้น เป็นจำนวน 7,522,183,000 หุ้น แบ่งเป็น หุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วเพิ่มขึ้นจากเดิม 753,333,184 หุ้น เป็นจำนวน 3,766,665,920 หุ้น, หุ้นสามัญที่จะเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัดเพิ่มขึ้นจากเดิม 500,000,000 หุ้น เป็นจำนวน 2,500,000,000 หุ้น และ หุ้นสามัญเพื่อรองรับการใช้สิทธิ DNA-W1 เพิ่มขึ้นจากเดิม 251,103,416 หุ้น เป็นจำนวน 1,255,517,080 หุ้น โดยสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจำนวนและมูลค่าหุ้นที่ตราไว้
และอนุมัติลดทุนจดทะเบียนของบริษัท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายจำนวน 7,645 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ซึ่งเป็นหุ้นสามัญจดทะเบียนที่เหลือจากการจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 376,111,061.25 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 376,109,150 บาท
“การเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จาก 0.25 บาท เป็น 0.05 บาท เนื่องจากบริษัทต้องการให้หุ้นมีสภาพคล่องสูงขึ้นจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นและราคาหุ้นที่ลดลง เพื่อดึงดูดนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทมีหลากหลาย และช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายโดยไม่มีผลกระทบในแง่ Price Dilution และ Control Dilution รวมถึงไม่ทำให้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นเปลี่ยนไปและบริษัทพิจารณาว่าการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นเป็น 0.05 บาทต่อหุ้นมีความเหมาะสมและไม่พบว่ามีข้อด้อยแต่อย่างใด" นายสิทธิชัย กล่าว