นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ KTB กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรวมในปี 58 เติบโต 6% หรือคิดเป็นการเติบโตในระดับ 1.5 เท่าของประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ (GDP) ที่คาดว่าอยู่ที่ 3.5-4.5% ในปีนี้โดยจะมุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อกลุ่มรายย่อยและธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งคาดว่าอัตราการขยายตัวของสินเชื่อรายย่อยปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 10% และอัตราการขยายตัวของสินเชื่อเอสเอ็มอี จะอยู่ที่ระดับ 10% เช่นกัน
ส่วนสินเชื่อรายใหญ่จะไม่ขยายตัว เพราะธนาคารมุ่งเน้นรายได้ที่ไม่ได้มาจากดอกเบี้ยเป็นหลัก ทำให้ไม่จำเป็นต้องปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายใหญ่มากนัก
ขณะที่สัดส่วนพอร์ตสินเชื่อของธนาคาร จะประกอบด้วย สินเชื่อภาครัฐ 10% ,สินเชื่อเอสเอ็มอี 20% ,สินเชื่อรายใหญ่ 30% และสินเชื่อรายย่อย 40% โดยสินเชื่อภาครัฐจะเน้นไปในด้านการบริหารสภาพคล่องของธนาคารเป็นหลัก เพราะสินเชื่อ ภาครัฐมีความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนที่ต่ำเช่นกัน
สำหรับสินเชื่อเอสเอ็มอีในปีที่ผ่านมาเติบโตระดับ 9% หรือคิดเป็นเม็ดเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท โดยธนาคารจะเน้นลูกค้าในกลุ่มไซส์เอ็มที่มียอดขาย 20-100 ล้านบาท และไซส์เอสที่มียอดขาย 11-20 ล้านบาท และไซส์เอ็กซ์เอสที่มียอดขาย 1-10 ล้านบาท โดยจะเน้นการเติบโตของธุรกิจเอสเอ็มอีไซส์เอ็มให้มากที่สุด
“ตอนนี้สิ่งที่ต้องการ คืออยากให้โครงการภาครัฐเดินหน้าได้จริง ก็คาดว่าเม็ดเงินจากภาครัฐจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งจะทำให้ธนาคารกรุงไทยได้รับผลประโยชน์ เนื่องจากมีความถนัดในการทำธุรกรรมของภาครัฐ ในเรื่องสินเชื่อและธุรกรรมประเภทอื่นๆ"นายวรภัค กล่าว
นายวรภัค กล่าวอีกว่า NPL ปีนี้มีแนวโน้มลดลงจากสิ้นปี 57 ที่อยู่ระดับ 1.5% ซึ่งเป็นระดับที่ลดลงต่อเนื่องจากปี 56 ที่ระดับ 1.7% ขณะที่ธนาคารยังมีความมั่นใจว่าการตั้งสำรองในปีนี้ยังอยู่ในระดับปกติที่ 700 ล้านบาท/เดือน แต่ก็อาจจะมีการตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติมบ้าง เพราะปีนี้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารเน้นไปในกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง อย่างเช่น กลุ่มลูกค้ารายย่อยและลูกค้าเอสเอ็มอี ส่วนแผนการดำเนินงานธุรกิจของธนาคารกรุงไทยในช่วง 7 ปี (ปี 56-62) ธนาคารตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิเติบโต 3 เท่าจากปี 56 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.39 หมื่นล้านบาท โดยธนาคารจะเน้นการสร้างรากฐานที่สำคัญในการปฏิบัติงานภายในองค์กร การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่มีความหลากหลาย รวมไปถึงการปรับปรุงแบรนด์ ที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้ อีกทั้งยังจะเน้นการสร้างส่วนแบ่งตลาดเพื่อเทียบเคียงกับคู่แข่งขันในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ โดยตั้งเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มเติมในปีนี้อีก 15 สาขา ซึ่งจะทำให้สิ้นปี 58 ธนาคารมีสาขาทั้งหมด 1,213 สาขา จากปัจจุบัน 1,198 สาขา