นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ LPN เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 36% จากปีก่อน โดยจะทยอยรับรู้รายได้จาก backlog ที่รอรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 1.86 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งจะรักษาระดับค่าใช้จ่ายจากการขายและบริหารให้อยู่ในระดับไม่เกิน 12%
ขณะที่มีเป้าหมายยอดขายเติบโต 18% มาที่ 2 หมื่นล้านบาท ตามแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 10-12 โครงการ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มูลค่าโครงการรวมกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท
สำหรับโครงการใหม่ 7 โครงการที่มีแผนพร้อมเปิดตัวแล้ว อาทิ ลุมพินี ซีวิว ชะอำ มูลค่า 1,200 ล้านบาท, ลุมพินี ปาร์ค บีช ชะอำมูลค่า 800 ล้านบาท,ลุมพินี เพลส หัวหิน ซอย 7 มูลค่า 510 ล้านบาท, ลุมพินีวิวล์ นครอินทร์-ริเวอร์วิว มูลค่า 1,750 ล้านบาท, ลุมพินีปาร์ค เพชรเกษม 98 เฟส 2 มูลค่า 1,850 ล้านบาท, ลุมพินี ทาวน์ ชิป รังสิต-คลอง 1 เฟส 2 มูลค่า 3,600 ล้านบาท ,ลุมพินีคอนโดทาวน์ เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ มูลค่า 1,600 ล้านบาท
ส่วนอีก 4 โครงการอยู่ระหว่างหาซื้อที่ดิน โดยปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 4,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการซื้อที่ดิน เน้นทำเลในกรุงเทพฯและปริมณฑล จากปีก่อนใช้เงินซื้อที่ดินเพียง 500 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นใจในการซื้ออสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ ปัจจุบัน สินค้าในมือของบริษัทมีทั้งโครงการที่สร้างเสร็จ ,กำลังก่อสร้าง รวมถึงโครงการที่มีที่ดินและเตรียมงานขาย ในขณะนี้ มีมูลค่ารวม 3.5 หมื่นล้านบาท
นายโอภาส กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้ว่า ยังมีการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากปีก่อนที่มีการเปิดโครงการทั้งหมดราว 7.8 หมื่นหน่วย เนื่องจากราคาที่ดินยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาตลาดคอนโดมิเนียมมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50-60% ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จากอดีตที่มีสัดส่วนเพียง 25%