(เพิ่มเติม) SAMART เป้ารายได้แตะ 1 แสนลบ.ปี 63 จากปีนี้ 3 หมื่นลบ.ทุ่มลงทุนพลังงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 16, 2015 18:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น(SAMART)ตั้งเป้ารายได้รวมในปี 58 เติบโตกว่า 15% มาที่ 3 หมื่นล้านบาท พร้อมประกาศชัดทุ่มลงทุนขยายธุรกิจ Utilities & Transportation (U-Trans) ครอบคลุมเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน การเดินทาง และบริการสาธารณูปโภค รวมถึงธุรกิจพลังงาน ซึ่งจะช่วยเสริมรากฐานรายได้ในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายรายได้ทะลุ 1 แสนล้านบาทในปี 63

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ SAMART กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 58 เติบโตมาที่ 3 หมื่นล้านบาท จากกว่า 2 หมื่นล้านบาทในปีก่อน และคาดการณ์กำไรของธุรกิจ ICT และ ธุรกิจ Mobile Multi-media จะทำสถิติสูงสุดอีกครั้งในปีนี้ ขณะเดียวกันได้มีการตั้งเป้ารายได้ในปี 63 จะเติบโตแตะระดับแสนล้านบาท โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจเดิม 50% และธุรกิจใหม่ 50% เชื่อว่าหากภายใน 2 ปีนี้บริษัทขยายธุรกิจด้านพลังงานตามแผนที่กำหนดไว้ก็จะช่วยผลักดันรายได้ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย

"ปีนี้เป็นปีที่จะมีการลงทุนอย่างมากเป็นประวัติการณ์ทั้งในด้านของพลังงานและธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเราจะเน้นการเข้าไปร่วมทุนกับพันธมิตรเป็นหลัก เพื่อเสริมศักยภาพของรายได้ที่มั่นคง โดยปีนี้วางเป้าหมายการเติบโตไว้ 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ภายใน 5 ปี รายได้น่าจะสูงขึ้นแตะแสนล้านบาทได้ จากการลงทุนอย่างมากในปัจจุบัน"นายวัฒน์ชัย กล่าว

นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า การเติบโตของรายได้ปีนี้จะมาจากธุรกิจ ICT Solutions ของบมจ.สามารถเทลคอม (SAMTEL) ตั้งเป้ารายได้ 1 หมื่นล้านบาท เติบโตกว่า 40% โดยปัจจุบันมีงานในมือแล้ว 7.2 พันล้านบาท และมีแผนเข้าไปประมูลงานเพิ่มในปีนี้ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมองว่านโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของภาครัฐจะก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น เช่น การขยายโครงข่ายการสื่อสาร, การส่งเสริมธุรกิจ e-Commerce และการพัฒนา e-Government Services เป็นต้น บริษัทจึงได้จัดโครงสร้างธุรกิจใหม่เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจดังกล่าว ได้แก่ โซลูชั่นโครงข่ายการสื่อสารโทรคมนาคม(Network Infrastructure Solution), โซลูชั่นเทคโนโลยีประยุกต์(Enhanced Technology Solution) และ แอพพลิเคชั่นสนับสนุนในการประกอบธุรกิจ(Business Applications) โดยวางเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้าสู่ภาคธุรกิจเอกชนมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้สายธุรกิจ Mobile Multi-media ของ บมจ.สามารถไอ-โมบาย (SIM) ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจะเน้นกลยุทธ์ Partnership Marketing ในการขยายตลาดเครือข่ายพันธมิตร เช่น สโมสรฟุตบอลชั้นนำ, ผู้ให้บริการโครงข่ายมือถือทั้ง AIS, DTAC และ TRUE และ สื่อ Siam Sports ซึ่งจะมีการพัฒนาสินค้าและเสริมบริการ Content ในรูปแบบเจาะกลุ่ม เพื่อก่อให้เกิดรายได้ประจำจากค่าบริการ Content

ในปีนี้บริษัทเตรียมเปิดตัวโทรศัพท์มือถือไอ-โมบาย Smart Phone จำวน 25 รุ่น คาดว่าจะมียอดขายทะลุ 5.5 ล้านเครื่อง หรือเพิ่มขึ้น 14 % จากปี 57 ที่ทำยอดขายได้ 4.2 ล้านเครื่อง เพื่อก้าวขึ้นเป็นแบรนด์มือถือที่มียอดขายสูงสุดในประเทศ และจะทำสถิติกำไรสูงสุดอีกครั้งในปี 58

สำหรับธุรกิจ U-Trans ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ถือว่าจะเข้ามาเป็นรายได้ประจำให้แก่บริษัท ที่ผ่านมาได้เซ็นสัญญาโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการจราจรทางอากาศกับกรมการบินพลเรือน ของเมียนมาร์ มูลค่า 3.92 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 120 ล้านบาท และได้เซ็นสัญญากับ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย เพื่อติดตั้งระบบอุปกรณ์บริการการจราจรทางอากาศของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มูลค่า 465 ล้านบาท รวมถึงเทด้าซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่มนี้ ก็ประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญาโครงการใหม่ๆ กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมมูลค่า 1.2 พันล้านบาท

นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า ด้านธุรกิจด้านพลังงาน บริษัทมีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าขยะในประเทศ 3 แห่งในภาคเหนือ อีสาน และกลาง ขนาดกำลังการผลิตแห่งละ 7-10 เมกะวัตต์(MW) ใช้เงินลงทุนแห่งละ 1 พันล้านบาท ซึ่งจะเน้นการร่วมลงทุนกับพันธมิตร โดยบริษัทจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 60-70% คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 18 เดือน และน่าจะทำรายได้เข้ามาราว 300 ล้านบาท/ปี

สำหรับการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ในลาว ขนาดกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลลาว และวัดระดับน้ำ คาดว่าจะสามารถสรุปรายละเอียดได้ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่ถึงระดับ 1 พันล้านบาท ขณะที่การลงทุนโรงไฟฟ้าจากถ่านหิน ในกัมพูชา ขนาด 2 พันเมกะวัตต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 4-5 ปี โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 1 แสนล้านบาท และน่าจะมีรายได้จะเข้ามาประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท/ปี

นอกจากนี้บริษัทก็มีความสนใจการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีในการลงทุน โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนได้ภายในปีนี้เช่นกัน

นายวัฒน์ชัย กล่าวอีกว่า สำหรับแหล่งเงินลงทุนที่จะเกิดขึ้นภายใน 5 ปีจากนี้ จะมาจากการเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท,การกู้ยืมจากสถาบันการเงิน โดยปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 2 เท่า รวมถึงยังมีแผนออกหุ้นกู้ จำนวนไม่เกิน 5 พันล้านบาทในปีนี้

ประกอบกับ มีแผนนำธุรกิจ U-Trans เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ เพื่อระดมทุนในอนาคต คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายใน 2 ปีข้างหน้า และยังมีแผนนำ บริษัท ไอสปอร์ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นแบบเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) คาดว่าจะเห็นได้ในช่วงกลางปีนี้

นายวัฒน์ชัย เปิดเผยอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการในกลุ่มธุรกิจไอทีอีกราว 1-2 บริษัท เพื่อต่อยอดการทำธุรกิจให้เติมโตอย่างยั่งยืนในอนาคต และน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ