MILL-W3 ปิดเทรดวันแรกที่ 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 33.96 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.42 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 0.48 บาท และราคาลงต่ำสุด 0.39 บาท
ขณะที่หุ้น MILL ปิดที่ 1.98 บาท ลดลง 0.01 บาท(-0.50%) มูลค่าซื้อขาย 27.10 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 2.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.04 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.98 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบริษัท มิลล์คอน สตีล(MILL)ใช้ชื่อย่อ MILL-3 คาดว่าจะมี All-in Premium ที่สูงถึง 88.29% เนื่องจากเป็นใบสำคัญแสดงสิทธิที่มีสถานะ Out of The Money ประกอบกับอายุของใบสำคัญแสดงสิทธิที่ยาวถึง 5 ปี และความผันผวนของหุ้นที่ค่อนข้างสูง ทำให้เรามองว่า MILL-W3 เป็นใบสำคัญแสดงสิทธิที่เหมาะกับการเก็งกำไรจาก Gearing ที่ 2.6 เท่าและปัจจุบัน MILL ติด Cash Balance ถึงวันที่ 13 ก.พ.
จากการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมด้วยวิธี BSM อ้างอิงราคาปิดที่ 1.99 บาท (16 ม.ค.) จะได้มูลค่าที่เหมาะสมของ MILL-W3 ที่ 0.75 บาท พร้อมให้กรอบมูลค่า MILL-W3 ไว้ที่ 0.60-0.92 บาท เมื่อราคาหุ้น MILL เคลื่อนไหวในกรอบ 1.75-2.25 บาท
MILL เป็นผู้ผลิตและเป็นศูนย์บริการผลิตภัณฑ์เหล็กนานาชนิดทั้งในและต่างประเทศ อาทิ เหล็กเส้นกลม (Round bar) เหล็กเส้นข้ออ้อย (Deformed Bars) เหล็กตัวซี (Lip Channel Steel) และผลิตภัณฑ์เหล็กอื่นๆ ในด้านการดำเนินงานของบริษัทมีผลประกอบการขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง แต่ล่าสุดบริษัทได้รายงานว่าได้ทำการประมูลบริษัทและโอนกรรมสิทธิของ TSSI จากกรมบังคับคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยจะนำเครื่องจักรมาผลิตเหล็กลวดชนิดพิเศษ
MILL-W3 จำนวนที่ออก 625.7 ล้านหน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วน 4 : 2 : 1 ฟรี โดยเพิ่มทุนที่ราคา 1.2 ในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 และ 2 หุ้นเพิ่มทุนได้ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ) อัตราใช้สิทธิ 1 : 1 @ 3 บาท, อายุ 5 ปี พร้อมให้ใช้สิทธิได้ทุกวันทำการสุดท้ายของเดือน มิ.ย. และ ธ.ค.(ใช้สิทธิได้ครั้งแรกในวันที่ 30 มิ.ย. 2015 และใช้สิทธิได้ครั้งสุดท้ายในวันที่ 20 ธ.ค. 2019 ซึ่งเป็นวันหมดอายุ)