นอกจากนี้ ยังเตรียมลงทุนในธุรกิจอาคารสำเร็จรูปให้เช่าในจังหวัดขอนแก่น ในพื้นที่ 2 แปลง ซึ่งเป็นที่ดินของบริษัท โดยในกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้มีการหารือกับสถาปนิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาคารจะมีขนาด 13 ห้อง ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมลงทุนซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิตเหล็กแปตัว “แซด" (Z) จำนวน 4 เครื่อง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการนำเข้าสินค้าได้สูงถึง 20-25%
"การเปิดสาขาที่มีเครื่องจักรเพิ่ม 3 แห่ง เพื่อเป็นการรองรับการขยายกำลังการผลิต และขยายสำนักงานขายขนาดเล็ก ตามยุทธศาสตร์ดาวกระจาย จะทำให้รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปีนี้คาดว่ารายได้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ยอดขายอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท"นายนิพนธ์กล่าว
ปัจจุบัน KCM มีสาขาอยู่ 22 แห่ง กระจายในภาคอีสานและภาคเหนือ ได้แก่ ขอนแก่น ชัยภูมิ อุดรธานี สกลนคร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระบุรี พิษณุโลก กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ ฯลฯ ซึ่งในจังหวัดขอนแก่นมี 4 สาขา
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ เตรียมเดินทางไปสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ร่วมกับบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ที่ปรึกษาทางการเงินของ KCM เพื่อศึกษาลู่ทางการลงทุน รองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2558 ซึ่งคาดว่าจะทำให้การค้าและการลงทุนขยายตัวมากขึ้น โดยบริษัทมีแผนขยายการลงทุนในเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา เนื่องจากประเมินว่ามีศักยภาพการขยายตัวได้อีกมาก
หลังจากเปิด AEC แล้วเชื่อว่าการค้าการลงทุนจะขยายตัวได้อีกมาก เห็นได้จากนักลงทุนจีนย้ายมาปักหลักลงทุนในลาวแล้วกว่า 500,000 คน เนื่องจากเขามองเห็นอนาคต ซึ่งถ้าหาก KCM สามารถเข้าไปเจาะตลาดโกดังสินค้าที่มีอยู่ในมืออยู่แล้ว เชื่อว่าจะทำให้ยอดขายโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งรูปแบบการลงทุน มีทั้งการเปิดทางพันธมิตรเข้าร่วมลงทุน หรือการเจรจากับรัฐบาลลาว เพื่อขอสัมปทาน โดยเราอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบ หรือโมเดลในการทำธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลา 1-2 ปี เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการลงทุน และเรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละประเทศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการลงทุน