"เหมราชฯ ยังคงเป็นบริษัทที่เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะยังคงเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจของนักลงทุนอุตสาหกรรม"กรรมการผู้จัดการ HEMRAJ กล่าว
แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวในปี 2557 อันเนื่องมาจากผลกระทบทางการเมืองในประเทศไทย ประกอบกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สถานะทางการเงินของเหมราชฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีสินทรัพย์ ณ เดือนกันยายน 2557 รวมมูลค่ากว่า 3.4 หมื่นล้านบาท และมีสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท อยู่ที่ 1.06 เท่า และเดือนพฤศจิกายน ปี 2557 ที่ผ่านมา ทริสเรทติ้งได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทจาก “A-" เป็น “A" สะท้อนถึงความสำเร็จของการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างรายได้ที่สามารถคาดการณ์รายรับได้แน่นอนมากขึ้น โดยธุรกิจสาธารณูปโภค ไฟฟ้า และบริการให้เช่าของบริษัทสามารถทำรายได้รวมกันมากกว่าร้อยละ 50 ของรายได้รวม
ในปี 2557 การให้เช่าโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 8,522 ตารางเมตร ทำให้ยอดพื้นที่ให้เช่าโรงงานสำเร็จรูป รวมอยู่ที่ 302,070 ตารางเมตร ในขณะที่บริการคลังสินค้าให้เช่าในโลจิสติกส์พาร์คของเหมราชฯเพิ่มขึ้น 10,290 ตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากยอดสะสมของปี 2556 ส่วนปริมาณความต้องการด้านบริการสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยในปี 2556
สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้า โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน โครงการโรงไฟฟ้าอิสระกำลังการผลิต 660 เมกกะวัตต์ (IPP) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เหมราชถือหุ้นร้อยละ 35 และบริษัทโกลว์เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 65 (GDF Suez group) สามารถผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพถึงร้อยละ 95 ซึ่งมากกว่าที่บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ในช่วงปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันมีการลงทุนของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมของเหมราชรวมมูลค่าราว 26,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 800,600 ล้านบาท) ก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาลต่อความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
"เหมราชภูมิใจที่มีส่วนอย่างมากในการสร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมี ปัจจุบันลูกค้าชั้นนำในนิคมอุตสาหกรรมของเรามีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมเหล่านี้...ด้วยรายได้จากสี่ธุรกิจหลักซึ่งส่งเสริมกันและกัน จะทำให้ความสำเร็จของเรามั่นคงยิ่งขึ้น และก้าวไกลกว่าเดิม"กรรมการผู้จัดการ HEMRAJ กล่าว