KSL คาดงวดปี 57/58 กำไร-รายได้โตตามปริมาณผลผลิต แม้ราคาลดลงเล็กน้อย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 21, 2015 10:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) คาดกำไรสุทธิงวดปี 57/58(พ.ย.57-ต.ค.58)จะเติบโตมากกว่ารายได้ที่คาดขยายตัวไม่ถึงระดับ 5% หลังคาดว่าปริมาณการผลิตน้ำตาลและเอทานอลเพิ่มขึ้นในปีนี้ แม้ราคาขายของทั้งสองผลิตภัณฑ์จะลดลงเล็กน้อย แต่การที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบเพิ่มขึ้น นอกจากจะทำให้ผลผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้นแล้วยังทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลงด้วย

นายชลัช ชินธรรมมิตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายพัฒนาธุรกิจ KSL คาดว่า ปีนี้จะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบเพิ่มเป็น 9 ล้านตัน จาก 8.4 ล้านตันในปีที่แล้ว ซึ่งจะทำให้ได้ปริมาณผลผลิตน้ำตาลเพิ่มเป็นราว 9 แสนตัน และผลิตเอทานอลเพิ่มเป็น 103-104 ล้านลิตร จากกว่า 90 ล้านลิตรในปีที่แล้ว เนื่องจากมีวัตถุดิบในการผลิตเพิ่มขึ้น

“รายได้ปีนี้น่าจะโตขึ้นเล็กน้อย คงไม่ถึง 5% ราคาขายลงนิดหน่อย รายได้คงจะเติบโตได้ไม่เท่ากับกำไร...ปริมาณอ้อยเพิ่มขึ้นเกือบ 10% การที่เราหีบอ้อยเพิ่ม ทำให้มีโมลาสเพิ่ม กากอ้อยเพิ่ม ทำให้เราผลิตเอทานอลได้เพิ่มขึ้น ต้นทุนต่อหน่วยของโรงงานน้ำตาลก็ดีขึ้น ส่วนธุรกิจไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นนิดหน่อย"นายชลัช กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

ทั้งนี้ KSL แจ้งผลการดำเนินงานปี 56/57 สิ้นสุด 31 ต.ค.มีกำไรสุทธิ 1.63 พันล้านบาท และมีรายได้รวม 1.9 หมื่นล้านบาท โดย KSL มีโรงงานน้ำตาลในประเทศ 5 แห่ง มีกำลังการหีบอ้อยรวม 1.15 แสนตันอ้อย/วัน และมีกำลังการผลิตเอทานอล 3.5 แสนลิตร/วัน ขณะที่มีปริมาณขายไฟฟ้าราว 50 เมกะวัตต์

นายชลัช คาดว่า สัดส่วนกำไรของบริษัทในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยมาจากธุรกิจไฟฟ้าราว 60%, เอทานอล 25% และน้ำตาล 15% ขณะที่สัดส่วนรายได้เกินกว่า 60% มาจากธุรกิจน้ำตาล ส่วนธุรกิจไฟฟ้าและเอทานอล มีรายได้รวมกันราว 30% ส่วนที่เหลือเป็นอื่นๆ

สำหรับราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยในปีนี้คาดว่าจะลดลงเล็กน้อยจากระดับ 19-20 เซนต์/ปอนด์ในปีก่อน หลังราคาน้ำตาลในตลาดโลกยังอ่อนแอ จากปริมาณผลผลิตยังล้นตลาด แต่คาดว่าทิศทางของราคาน้ำตาลน่าจะเริ่มทยอยปรับขึ้นหลังปริมาณผลผลิตน้ำตาลของโลกเริ่มลดลง แต่ความต้องการใช้เพิ่มขึ้นราว 1-2% ต่อปี โดยจะเห็นภาพชัดเจนขึ้นในช่วงไตรมาส 3/58 เมื่อบราซิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่สุดของโลก เริ่มเดินเครื่องผลิต ซึ่งจะทำให้รู้ปริมาณน้ำตาลที่จะออกมาสู่ตลาด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาน้ำตาลในปีนี้น่าจะยังไม่สามารถทะลุระดับ 20 เซนต์/ปอนด์ไปได้

ด้านราคาเอทานอลในปีนี้คาดว่าจะลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนมาอยู่ที่ราว 24-25 บาท/ลิตร หลังปริมาณการผลิตและความต้องการใช้ในปัจจุบันอยู่ระดับใกล้เคียงกัน โดยคาดว่าความต้องการใช้เอทานอลจะอยู่ที่ราว 3.4-3.5 ล้านลิตร/วัน ส่วน กำลังการผลิตอยู่ที่ 4-5 ล้านลิตร/วัน ขณะที่ต้นทุนการผลิตของบริษัทไม่ได้สูงมากนักเมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่น เพราะมีวัตถุดิบป้อนเข้าโรงงานของตนเอง

ขณะที่บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตเอทานอลของโรงงานใน จ.ขอนแก่น เพิ่มอีก 2 แสนลิตร/วัน ให้เป็น 3.5 แสนลิตร/วัน ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของเอทานอลของบริษัทเพิ่มเป็น 5.5 แสนลิตร/วัน ซึ่งแผนการขยายกำลังการผลิตอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) และจะใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปี ทำให้คาดว่าโรงงานดังกล่าวจะแล้วเสร็จในปลายปี 59

“ปีนี้เรายังไม่มี project อะไรขยายมากนัก การขยายเอทานอลถ้า EIA ผ่านกลางปี ช่วงไตรมาส 3 ก็คงจะใช้เงินไม่เยอะ ปีนี้คงมีแค่งบการปรับปรุงโรงงานและเอทานอลบางส่วนทำให้งบลงทุนทั้งปีนี้คงจะไม่เกิน 1 พันล้านบาท"นายชลัช กล่าว

นายชลัช กล่าวถึงแผนการย้ายโรงงานน้ำตาลจากจ.ชลบุรี ไปยังจ.สระแก้วว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตก่อสร้างโรงงาน โดยยังไม่ได้เริ่มดำเนินการแต่อย่างใด ซึ่งตามแผนดำเนินงานนั้น โรงงานที่ จ.สระแก้ว จะมีการผลิตครบวงจร ทั้งโรงงานน้ำตาล โรงไฟฟ้า และโรงเอทานอล

*ตั้งเป้าธุรกิจน้ำตาลตปท.มีกำไรใน 3 ปีข้างหน้า

นายชลัช คาดว่าการดำเนินธุรกิจน้ำตาลในต่างประเทศ ที่ปัจจุบันมีโรงงานน้ำตาลในลาว และกัมพูชาอย่างละ 1 แห่งนั้นจะยังคงมีผลการดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่องในปริมาณรวมกว่า 100 ล้านบาท/ปี หลังไม่มีการส่งออกไปสหภาพยุโรปตามแผนดิม เพราะราคาส่งออกไปยุโรปตกต่ำ ทำให้หันมาจำหน่ายภายในประเทศ และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็พบอุปสรรคด้านการแข่งขันกับคู่แข่ง

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าธุรกิจในลาวและกัมพูชาจะเริ่มทำกำไรได้เป็นครั้งแรกในอีก 3 ปีข้างหน้า หลังจากที่ได้ลงทุนในประเทศดังกล่าวมาแล้วราว 7 ปี แม้ในทางบัญชีจะยังไม่สามารถทำกำไรได้ แต่ในแง่ของกระแสเงินสด(cash flow) ก็ยังพอมีอยู่ คาดว่าในอนาคตโรงงานในทั้งสองประเทศจะสามารถรองรับกำลังซื้อในภูมิภาคอาเซียนที่เติบโตขึ้นได้

นอกจากนี้ บริษัทยังไม่ปิดโอกาสในการขยายไปสู่ธุรกิจอาหารเพิ่มเติม หลังจากที่เมื่อปีที่แล้วได้เข้าซื้อหุ้นราว 9% ในบริษัท มัดแมน จำกัด ซึ่งทำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจดังกล่าวเพิ่มเติม เพราะมองว่าจะเป็นโอกาสในการกระจายธุรกิจที่ยังคงมีการขยายตัวต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ