มร. แอร์เว่ ลีฟวอร์ นักกลยุทธ์อาวุโสด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคและการลงทุน บริษัท เอชเอสบีซี โกลบอล แอสเซท แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ในปี 58 เราจะเห็นความแตกต่างของคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ ต่าง ๆ และความแตกต่างของนโยบายการเงินในระดับโลกด้วย การดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดของสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะนำไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินโลก เป็นเหตุการณ์ระดับมหภาคที่สำคัญในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตลาดเกิดใหม่ ดังนั้น นักลงทุนจึงจำเป็นจะต้องกระจายการลงทุนในพอร์ตอย่างเหมาะสม เพื่อมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในสินทรัพย์ทั่วทุกประเภท
เนื่องจากปี 2558 เป็นปีที่คาดว่านักลงทุนจะเผชิญกับความผันผวนสูง เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวต่อเนื่อง เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดต่ำลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ และลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม หลายประเทศเป็นส่วนใหญ่น่าจะยังมีอัตราการขยายตัวที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และการค้าโลกที่ค่อนข้างอ่อนแอเมื่อเทียบกับ 20 ปีที่แล้ว จะยังคงเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสถิติระบุว่าการลงทุนในตลาดหุ้นมีแนวโน้มจะให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเมื่อพิจารณาจากวงจรธุรกิจ ภาพรวมของตลาดหุ้นยังสดใส ขณะที่ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นอาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่าปีที่ผ่านมา แต่ราคาหุ้นและปัจจัยพื้นฐานที่น่าสนใจยังสะท้อนถึงความน่าลงทุนของสินทรัพย์ประเภทนี้ในระยะยาว ถึงแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ อาจจะค่อย ๆ ขยับขึ้นในปี 58 แต่ก็น่าจะอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ สภาพคล่องยังดีอยู่มากโดยได้อานิสงส์จากเงินกองทุนสะสมของธนาคารกลางหลัก ๆ หลายแห่ง (สหรัฐฯ อังกฤษ ยุโรป และญี่ปุ่น) ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น และมีมูลค่าถึง 11 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปี 2559
การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนคาดว่าจะเติบโตอย่างมั่นคงที่ระดับปานกลาง และน่าจะเป็นผลมาจากการบริโภคและพึ่งพาการลงทุนน้อยลง ในระยะต่อไป การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ โครงการ Stock Connect และมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของรัฐบาลจีนจะเป็นกรอบนโยบายสำคัญที่กำกับดูแลผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นจีน
สำหรับตลาดหุ้นเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) โครงสร้างพื้นฐานในเอเชียที่พัฒนาดีขึ้น แนวโน้มการฟื้นตัวอย่างมั่นคงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการดำเนินนโยบายด้านการเงินของเฟดในลักษณะระมัดระวัง ส่งสัญญาณว่าผลกระทบจากการยุติมาตรการคิวอีที่มีต่อตลาดหุ้นเอเชียน่าจะอยู่ในวงจำกัด โดยภูมิภาคเอเชียมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าภูมิภาคอื่น ๆ ในโลก บริษัทในเอเชียยังคงมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นจากการหารายได้ได้เพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาหุ้นได้เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่น่าลงทุนหากพิจารณาผลตอบแทนที่ได้รับในระยะยาว
เอชเอสบีซีมองว่าตลาดหุ้นเอเชียเหนือน่าลงทุน รวมถึงตลาดหุ้นจีน ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่มีราคาต่ำที่สุดในภูมิภาค และเมื่อพิจารณาจากมูลค่าหุ้น ตลาดหุ้นจีนยังเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่ราคาถูกที่สุดในโลกอีกด้วย การดำเนินการปฏิรูปในจีนยังคงเป็นหนึ่งในแรงหนุนที่สำคัญที่สุดสำหรับตลาดหุ้นจีน และคาดว่ารัฐบาลจีนจะยังใช้ดำเนินมาตรการที่จะเดินหน้าเรื่องการปฏิรูปต่อไป เพื่อให้การเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ เอชเอสบีซี ยังเห็นว่าตลาดหุ้นอินเดียและตลาดหุ้นเกาหลีน่าสนใจลงทุน เนื่องจากมีการปรับอันดับศักยภาพตลาดหุ้นอินเดียใหม่ให้สูงขึ้น และราคาหุ้นของบริษัทในตลาดหุ้นเกาหลีที่ยังต่ำอยู่
หากมองในรายกลุ่ม จะเห็นว่าหุ้นวัฏจักรธุรกิจ (Cyclical Stocks) อย่างหุ้นเทคโนโลยี และหุ้นสถาบันการเงิน ยังมีราคาถูก เมื่อเทียบกับหุ้นที่ไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ (Defensive Stocks) เช่น หุ้นสินค้าอุปโภคบริโภค และหุ้นสุขภาพอนามัย เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น แต่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำ
มร.บิล มัลโดนาโด ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุน ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และประธานเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้น บริษัท เอชเอสบีซี โกลบอล แอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยของสินทรัพย์เสี่ยงในช่วง 10 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มอยู่ที่ระดับปานกลาง นักลงทุนที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมากกว่าการถือครองพันธบัตรและเงินสดในพอร์ต น่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า แม้ว่าปี 58 น่าจะมีความผันผวนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหุ้นในตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย แต่ในระยะยาว การลงทุนในตลาดหุ้นก็ยังเป็นโอกาสที่ดี การเลือกลงทุนในหุ้นโดยคำนึงถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัท และราคาหุ้น ยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นในภาวะตลาดเช่นนี้
พันธบัตรเอเชีย เอชเอสบีซีมองการลงทุนในหุ้นกู้บริษัทเอกชนเป็นบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกู้ในตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย และคาดว่าในระยะยาวด้วยปัจจัยหนุนจากภาพรวมราคาหุ้นที่ดีขึ้น การลงทุนในหุ้นกู้เอกชนจะให้ผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยงที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในตลาดที่พัฒนาแล้ว ในระยะสั้น ความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้บริษัทเอกชนในเอเชียน่าจะได้รับอานิสงส์จากสภาพคล่องล้นในตลาดโลกและผลตอบแทนที่ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม
ภาพรวมของพันธบัตรสกุลเงินหยวนยังเป็นบวกในระยะกลางถึงระยะยาว แม้คาดว่าจะมีความผันผวนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินหยวนต่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น โดยพันธบัตรสกุลเงินหยวนนอกจากจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าและมีความผันผวนน้อยลงกว่าในอดีตแล้ว พันธบัตรสกุลเงินหยวนก็ยังจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการดำเนินนโยบายที่ผ่อนปรนในจีน นอกจากนี้ การที่พันธบัตรสกุลเงินหยวนมีความอ่อนไหวน้อยต่อการเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะเอื้อต่อการได้รับผลตอบแทนที่ดีเมื่อปรับด้วยความเสี่ยง โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรสกุลเงินหยวนในประเทศ ซึ่งเป็นตลาดพันธบัตรที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สะท้อนลักษณะเฉพาะของตลาดที่เหมาะสม รวมถึงค่าสหสัมพันธ์ที่ต่ำกับสินทรัพย์หลัก ซึ่งจะเป็นโอกาสในการกระจายความเสี่ยงที่ดีสำหรับนักลงทุน
มิสเซซิเลีย ชาน ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนในตราสารหนี้ ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก บริษัท เอชเอสบีซี โกลบอล แอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า พันธบัตรสกุลเงินหยวนกำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในระดับโลก จากการที่จีนเปิดเสรีตลาดทุน จะทำให้ตลาดพันธบัตรจีนในประเทศกลายเป็นตลาดขนาดใหญ่เกินกว่าที่นักลงทุนในพันธบัตรจะมองข้าม “แม้ว่านักลงทุนจะมีความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะปรับสูงขึ้น แต่การเลือกลงทุนในตลาดพันธบัตรเอเชียก็ยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาผลตอบแทนในสภาพตลาดดอกเบี้ยต่ำในขณะนี้ การเลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงจะเป็นเป้าหมายสำหรับการลงทุนในปี 58