รวมถึงยังได้ปัจจัยหนุนจากธุรกิจไบโอดีเซลภายใต้ บมจ.เอไอ เอนเนอร์จี(AIE) ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ และกำลังจะมีลูกค้าใหม่เพิ่ม โดยคาดว่าปีนี้ผลประกอบการของ AIE จะเติบโตอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาและจะเซ็นสัญญาการซื้อขายน้ำมันไบโอดีเซลกับพันธมิตร ในไตรมาส 2/58 หรืออย่างช้าในช่วงไตรมาส 3/58 ซึ่งจะช่วยให้ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นได้ค่อนข้างมาก
ขณะเดียวกัน AIE ยังได้นำกรดไขมันปาล์มที่มีราคาต้นทุนต่ำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซล(B100) ส่งผลให้ AIE มีกำไรที่มากขึ้น เนื่องจากต้นทุนการผลิต B100 อยู่ที่เพียง 15 บาท/ลิตร ขณะที่มีราคาขายอยู่ที่ 35 บาท/ลิตร
"ในปีนี้เรามั่นใจว่ารายได้ของเราจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะงานภาครัฐที่ชะลอมาตั้งแต่ปีก่อนจะเริ่มทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง และในบริษัทลูกเองก็อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อที่จะหาพันธมิตรมาเป็นคู่ค้าที่จะช่วยเพิ่มปริมาณการขายให้กับเราด้วย ซึ่งจะเป็นตัวช่วยการเติบโตของเราในปีนี้"นายธนิตย์ กล่าว
นายธนิตย์ กล่าวอีกว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีรายได้รวมเพิ่มเป็นราว 9 พันล้านบาท จากราว 5.2 พันล้านบาทในปีก่อน โดยบริษัทอยู่ระหว่างรอประมูลงานสถานีไฟฟ้าย่อย มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท คาดว่าจะได้ส่วนแบ่งจากงานนี้ราว 300-400 ล้านบาท และงานประมูลของลูกถ้วยไฟฟ้าอีก 400 ล้านบาท โดยงานประมูลต่างๆคาดว่าจะรู้ผลประมูลในช่วงเดือน ก.พ.58
ขณะที่บริษัทมีแผนจะใช้งบลงทุนในปีนี้ 200 ล้านบาท โดย 160 ล้านบาทจะใช้สำหรับลงทุนในโครงการโซลาร์รูฟท็อป ขนาด 2.6 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการรอการพิจารณารับซื้อไฟฟ้าจากภาครัฐ คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในเร็วๆนี้ โดยปริมาณไฟฟ้าที่ได้จะใช้ในโรงงานของบริษัท 40% และขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 60% ขณะที่เงินลงทุนส่วนที่เหลืออีก 40 ล้านบาทจะใช้เพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่มาแทนเครื่องจักรเก่า