แต่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่เป็นคู่ค้าของบริษัทที่ต้องการรับซื้อผลผลิตไบโอดีเซลเพิ่มเติม คาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้อย่างเร็วภายในไตรมาส 1/58 นี้ หรืออย่างช้าคือช่วงไตรมาส 3/58 ซึ่งจะทำใปริมาณการขายไบโอดีเซล (B100) เพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านลิตร/เดือน จากปัจจุบันขายให้กับคู่ค้ารายนี้เพียง 1-2 ล้านลิตร/เดือน
ขณะเดียวกันการลงทุนขยายกำลังการผลิตจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/58 ซึ่งจะเพิ่มผลผลิตจากปัจจุบันที่ 4 แสนลิตร/วัน เป็น 9 แสนลิตร/วัน เพียงพอต่อการรองรับกับคำสั่งซื้อของลูกค้าที่ขยายตัวสูงขึ้น
"ปีนี้ทางภาครัฐฯได้ปรับการใช้ B100 มาอยู่ที่ 3.5% จากปกติที่ 7% ซึ่งก็ถือว่าเป็นผลกระทบกับยอดขายของเรา แต่ก็เป็นระยะเวลาเพียง 2 เดือน และที่เหลือก็จะทยอยกลับมาใช้ในระดับเดิม ทำให้เราเชื่อมั่นว่าการปรับปริมาณการใช้ B100 ลงจะไม่เป็นผลกระทบต่อเรา เพราะคงจะได้พันธมิตรใหม่เข้ามาช่วยให้ปริมาณการขายของเราสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้รายได้ของเราเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้"นายอนุรักษ์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล (B100) อยู่ที่ 70% และขายน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคในประเทศ 30% หากการเจรจาซื้อขายน้ำมันไบโอดีเซลดังกล่าวเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 3/58 จะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลในปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 80% ของสัดส่วนรายได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 5% จากปี 57 อยู่ที่ราว 4% เนื่องจากบริษัทนำกรดไขมันปาล์มที่มีราคาต้นทุนต่ำ(ประมาณ 15 บาท) เข้ามาเป็นส่วนประกอบของการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ส่งผลให้ราคาต้นทุนในการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลอยู่ในราคาต่ำ และมีกำไรสูงขึ้น