นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้โอกาสปรับขึ้นตามต่างประเทศ หลังผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศเข้าซื้อสินทรัพย์มากกว่าคาด จากที่ตลาดคาดไว้แค่ 5.5 แสนล้านยูโร หรือ 5 หมื่นล้านยูโร/เดือน แต่ปรากฎว่าเป็น 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน และถึง 20 เดือน เซอร์ไพร์สทำให้ตลาดหุ้นยุโรปกับสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรง อย่างไรก็ตาม มองว่าคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯกับยุโรปอาจจะอ่อนลงบ้างขึ้นมาเยอะแล้ว อาจมีขายทำกำไรก็จะมีความกังวลเรื่องการเลือกตั้งของกรีซในวันที่ 25 ม.ค.นี้ด้วย
"หุ้นไทยเช้ามาคงเปิดโดดตามต่างประเทศแต่มีโอกาสอ่อนตัวลงเรื่อยๆ เพราะช่วงเช้าจะมีความกังวลเรื่องการพิจารณาของ สนช.ช่วงเช้าในคดีถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ช่วงบ่ายเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เชื่อว่าจะทำให้ทั้งวันมีแรงขายทำกำไรกดลงมา แต่ก็อาจจะไม่รุนแรง"นายประกิต กล่าว
กรอบการเคลื่อนช่วงเช้าแนวต้าน 1,575 จุด แนวรับ 1,550 จุด
ทั้งนี้ เมื่อวานเริ่มเห็นแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติแม้ว่าอาจจะยังไม่เห็นสัญญาณการไหลกลับของ Fund flow แต่ก็ถือเป็นการเข้าซื้อที่น่าสนใจ เพราะฉะนั้นหุ้น Big Cap อาจจะกลับมาบลูลิชอีกครั้งหนึ่งแนะนำเลือกเล่นหุ้น KBANK
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(22 ม.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,813.98 จุด เพิ่มขึ้น 259.70 จุด(+1.48%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,750.40 จุด เพิ่มขึ้น 82.98 จุด(+1.78%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,063.15 จุด เพิ่มขึ้น 31.03 จุด(+1.53%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิด เพิ่มขึ้น 191.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิด เพิ่มขึ้น 284.73 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิด เพิ่มขึ้น 13.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิด เพิ่มขึ้น 52.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิด เพิ่มขึ้น 24.54 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิด เพิ่มขึ้น 20.17 จุด และดัชนี เพิ่มขึ้น FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 10.72 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(22 ม.ค.58)1,560.34 จุด เพิ่มขึ้น 22.98 จุด(+1.49%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,389.36 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ม.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(22 ม.ค.58) ปิดที่ 46.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.47 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(22 ม.ค.58)ที่ 7.93 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.57/59 แนวโน้มแข็งค่า หลัง ECB ประกาศใช้ QE ครั้งใหญ่
- "ช.การช่าง" จัดทัพบริษัทลูกครั้งใหญ่ ควบรวม "บีอีซีแอล-บีเอ็มซีแอล" ตั้งบริษัทใหม่ถือหุ้นใหญ่ 40% หวังรองรับโครงการพื้นฐานต่อยอดธุรกิจ เสริมศักยภาพด้านการเงินเพิ่มโอกาสการลงทุนใน-นอกประเทศ เผยแผนควบรวมเสร็จส.ค.นี้ พร้อมจ่ายปันผลทันที ขณะที่บริษัทใหม่พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เดือนก.ย.นี้
- เปิดเวทีถกครองสิทธิข้ามสื่อ-ครอบงำข่าวสาร "กสท." ย้ำหลักเกณฑ์ประกาศฯ ประมูลทีวีดิจิทัล -ประกาศฯควบรวม ตรวจสอบกลุ่มทุนถือหุ้นสื่อเข้มงวด สอบทางตรง-นอมินีเข้มข้น มูลนิธิผู้บริโภคฯ จี้บังคับใช้กติกาถือหุ้นทีวีดิจิทัล ตามประกาศฯ ด้าน กมธ.ปฏิรูปสื่อ หนุนภาคประชาชนกำกับดูแลสื่อ
- "อีซีบี" อัดฉีดคิวอีครั้งใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจเดือนละ 6 หมื่นล้านยูโรจนถึงเดือนก.ย.ปีหน้าคาดอาจใช้เงินมากกว่า 1 ล้านล้านยูโร ด้านหุ้น-ค่าเงินเอเชียพุ่ง นักลงทุนหวังเงินไหลเข้าภูมิภาคเอเชีย ขณะ "โกลด์แมนแซคส์" ชี้ทั่วโลกกำลังเข้าสู่สงครามค่าเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ลุ้นระทึกสนช.ลงมติถอดถอนครั้งประวัติศาสตร์วันนี้ เผย "ยิ่งลักษณ์" อาการหนักเช็คเสียงล่าสุดหนุนถอดพ้นตำแหน่งเกิน 150 พุ่งเกินแนวปลอดภัย 132 เสียงหรือ 3 ใน 5 ของสมาชิกทั้งสภาราว 20 เสียง ขณะที่ "นิคม-สมศักดิ์" ยังก้ำกึ่ง
ถก3แนวทางร่วมทุนรถไฟไทย-จีนรีบสรุปเดือนก.พ.นี้แบ่งสร้างเป็น4ช่วงเชื่อเสร็จภายใน3ปี
- นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม เปิดเผยผลการประชุมคณะทำงานร่วมไทย-จีน เพื่อพิจารณาความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทย ครั้งที่ 1 ว่า คณะทำงานได้สรุปรูปแบบการลงทุนโครงการรถไฟไทย-จีน เป็น 3 รูปแบบ คือ 1.รัฐบาลไทยกู้เงินจากรัฐบาลจีนในอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อลงทุน และให้ไทยได้สิทธิในโครงการลงทุนทั้งหมด 2.กำหนดรูปแบบการลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน (พีพีพี) และ 3.ร่วมลงทุนในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) หรือการตั้งบริษัทร่วมทุน 2 ชาติ
*หุ้นเด่นวันนี้
- CK(เมย์แบงก์กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า34.00บาท CK ได้ประโยชน์โดยตรงจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ และโครงสร้างเงินทุนของบริษัทลูก ได้แก่ การควบรวมระหว่าง BMCL–BECL จะส่งผลให้ CK มีภาระลดลงจากเดิมที่ต้องคอยสนับสนุนด้านการเงินให้กับ BMCL การเพิ่มทุนของ CKP เพื่อซื้อเงินลงทุน 30% ในบ.ไซยะบุรีพาวเวอร์ จาก CK จะส่งผลให้ภาพการเติบโตในระยะยาวของ CKP มีความมั่นคงมากจากจำนวน MW ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังรับรู้รายได้โครงการไฟฟ้าในปี 2562 คาด CK จะบันทึกกำไรพิเศษจากการขาย บ.ไซยะบุรีพาวเวอร์สูงถึง 3,000 ล้านบาท และการปรับโครงสร้างให้ บ.ไซยะบุรีพาวเวอร์ไปอยู่ใต้ CKP จะส่งผลให้ CK รับรู้ผลขาดทุนจาก บ.ไซยะบุรีลดลงด้วยเช่นกัน ดังนั้น คาดว่าจะเห็นการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และมุมมองต่อหุ้น CK ขึ้นเป็นบวกอย่างมีนัยสำคัญ และเป็น Catalyst โดยตรงต่อราคาหุ้น
- AOT(ธนชาต)"ซื้อ"เป้า340บาท นักท่องเที่ยวขยายตัวแกร่งล่าสุดจำนวนนักท่องเที่ยวเดือน ธ.ค. +16.5% y-y และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่องในช่วง ม.ค.-มิ.ย.2015 จากฐานที่ต่ำในปีก่อน และธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัว ขณะที้ถ้าพิจารณาในเชิงเทคนิคมีจังหวะปรับสูงขึ้นต่อเนื่องตามแนวโน้มกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ (SET50) ที่กลับมานำตลาด
- KSL,KBS(ซีไอเอ็มบี)"ทยอยสะสม"เป้าของ Bloomberg consensus ที่ 15.12 และ 13.25 บาท ราคาน้ำตาลปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง +12.3% จากต้นปีมาปิดที่ 15.91 เซนต์/ปอนด์ เมื่อวานนี้ จากภาวะแห้งแล้งในบราซิลที่คาดว่าจะส่งผลบวกต่อราคาน้ำตาลในครึ่งปีหลัง ในขณะที่หุ้น KSL และ KBS ปรับเพิ่มขึ้นเพียง +5.9% และ +6.3% ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยทั้ง KSL และ KBS มี upside สูงถึง 21% และ 31%