นอกจากนี้ บริษัทฯยังอยู่ระหว่างประมูลงานโรงผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท มีกำลังการผลิตที่ 1,280 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถรู้ผลการประมูลในปีนี้ ซึ่งงานนี้มีความล่าช้ามาจากปี 57 เนื่องจากงานดังกล่าวมีมูลค่าค่อนข้างสูง ทำให้รัฐบาลพม่าต้องใช้เวลาในการพิจารณาโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้ ทางบริษัทฯมีความสนใจที่จะขยายสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯมองหาการลงทุนไปทั้งภูมิภาค ปัจจุบันบริษัทฯมีการผลิตไฟฟ้าแล้วทั้งในไทยและพม่า ในขณะเดียวกันทางบริษัทฯอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตซื้อขายไฟในประเทศญี่ปุ่น เพื่อที่จะทำโรงไฟฟ้าโซล่าฟาร์ม กำลังการผลิต 30-40 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 3/58 นี้ โดยจะให้บริษัทโตโย-ไทยพาวเวอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ที่เป็นบริษัทลูกเป็นผู้เข้าไปลงทุนในโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯเตรียมนำบริษัทโตโย-ไทยพาวเวอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ประเทศสิงคโปร์ หลังจากเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในพม่า
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ บริษัทฯคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 9-10% จากปี 57 ที่ 6-7% เนื่องจากคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากโรงงานผลิตไฟฟ้าในพม่าเต็ม 120 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 1 นี้
"เราหันมาทำธุรกิจพลังงานมากขึ้น เพื่อที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ในส่วนนี้ให้มากขึ้น เพื่อที่จะเป็นการกระจายความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เพราะในช่วงที่ผ่านมางานรับเหมามีความผันผวนค่อนข้างสูง ในขณะเดียวกันรายได้จากการผลิตไฟฟ้ามีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 50-60% แต่ในธุรกิจรับเหมามีอัตรากำไรขั้นต้นเพียง 8% แต่ในปีนี้สัดส่วนรายได้ด้านพลังงานคงจะยังไม่มากนัก แต่จะเห็นค่อนข้างชัดในปีหน้า เพราะปัจจุบันเราอยู่ระหว่างทำโรงไฟฟ้าอีก 5 แห่ง ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้และกำไรจากพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น"นายกอบชัยกล่าว